รายงานล่าสุดของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ระบุว่า การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (FDI) ทั่วโลก ร่วงลง 13% ในปี 2559 สู่ระดับประมาณ 1.52 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนตัวลง และมูลค่าการค้าทั่วโลกชะลอตัวลง
รายงานของ UNCTAD ระบุว่า ตัวเลข FDI ในทวีปยุโรป ร่วงลง 29% สู่ระดับ 3.85 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปมีตัวเลข FDI ที่ผันผวนเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตัวเลข FDI ได้รับแรงหนุนจาก FDI ในภูมิภาคอเมริกาเหนือมีการขยายตัวปานกลางที่ระดับ 6% และตัวเลขการลงทุนในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่ดึงดูดเม็ดเงิน FDI ได้สูงสุดในปี 2559 โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 3.85 แสนล้านดอลลาร์ รองลงมาคืออังกฤษ 1.79 แสนล้านดอลลาร์ และจีนยังคงตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยยอด FDI มูลค่า 1.39 แสนล้านดอลลาร์
มูกิชา กีตูยี เลขาธิการ UNCTAD กล่าวว่า "การฟื้นตัวของ FDI ยังคงเผชิญกับอุปสรรค โดยสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือโครงการลงทุนในภาคการผลิตที่ทรุดตัวลงอย่างมาก ซึ่งโครงการในภาคส่วนนี้มีบทบาทสำคัญในการพลิกฟื้นศักยภาพด้านการผลิตในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา"
ทั้งนี้ UNCTAD เตือนว่า ตัวเลข FDI ในปี 2560 อาจเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงการที่อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit), นโยบายการค้าของสหรัฐ เช่น ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) และข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) รวมทั้งการเลือกตั้งของหลายประเทศในยุโรป สำนักข่าวซินหัวรายงาน