นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดว่า การส่งออกของประเทศไทยน่าจะได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการที่ปธน.ทรัมป์ ได้ถอนสหรัฐออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP)
นางสาวพิมพ์ชนก เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์ เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้ารายอื่นๆของสหรัฐอย่างจีนและเม็กซิโก เนื่องจากสหรัฐขาดดุลการค้ากับไทยไม่มากเท่า
นอกจากนี้ การที่สหรัฐได้ถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP ก็เป็นข้อได้เปรียบสำหรับไทยซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี้ เนื่องจากประเทศสมาชิก TPP อย่างมาเลเซียและเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งไทยในตลาดสหรัฐ จะไม่ได้มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าไทยในเรื่องของการส่งออก ขณะที่ข้อตกลงดังกล่าวยังชะงัก
ด้านดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ประเทศไทยไม่น่าได้รับผลกระทบมากนักจากนโยบายคุ้มครองการค้าของสหรัฐเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากการส่งออกของไทยไปสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% จากทั้งหมด ซึ่งไทยเกินดุลการค้าเพียง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ไทยจำเป็นต้องมีความรอบคอบและระมัดระวัง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยถึง 70% มาจากการส่งออก