การเจรจาเรื่องค่าแรงระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์กับสหภาพแรงงานในญี่ปุ่นประสบกับภาวะชะงักงันในวันนี้ เนื่องจากสหภาพแรงงานของบริษัทรถยนต์รายใหญ่ ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ปรับขึ้นฐานเงินเดือนในอัตราเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าหลายบริษัทกำลังเผชิญกับปัญหาผลประกอบการที่ไม่สู้ดีก็ตาม
สหภาพแรงงานของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปและฟูจิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ รวมถึงสหภาพแรงงานชองบริษัทรถยนต์ชั้นนำอื่นๆ ได้เรียกร้องให้บริษัทปรับโครงสร้างเงินเดือนเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 3,000 เยน (26 ดอลลาร์)
ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำบางแห่งได้รายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ในช่วง 9 เดือนสิ้นสุดเดือนธ.ค. นอกจากนี้ บริษัทหลายแห่งยังมีความวิตกเกี่ยวกับยอดขายซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ได้เรียกร้องให้ภาคธุรกิจดำเนินการปรับขึ้นค่าแรงเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ขณะที่ประธานกลุ่มล็อบบี้ภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นก็ได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนประจำปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มฐานเงินเดือน
ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่นต่างกำลังเผชิญกับปัญหาความไม่แน่นอนทางธุรกิจ สืบเนื่องจากอังกฤษเตรียมที่จะเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ขณะที่เศรษฐกิจของจีนก็กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สหภาพแรงงานของบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของญี่ปุ่นเตรียมที่จะยื่นข้อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงภายในวันพรุ่งนี้เช่นกัน