ฟิทช์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) จะเป็นแม่แบบการระดมทุนหลักที่รัฐบาลจีนจะใช้เพื่อนำไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงปี 2563 โดยรัฐวิสาหกิจ (SOE) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ
นอกจากนี้ การทำ PPP จะยังช่วยให้บริษัทภาคการก่อสร้างของจีนมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี แม่แบบ PPP ยังคงอยู่ในช่วงแรกเริ่ม ขณะที่รัฐวิสาหกิจจีนได้ปรากฎตัวเป็นพันธมิตรหลักของหน่วยงานรัฐบาลจีน มากกว่านักลงทุนเอกชน
ฟิทช์ ระบุว่า "ที่นักลงทุนไม่ค่อยสนใจนั้นเนื่องจากโครงการ PPP ส่วนใหญ่มักให้ผลตอบแทนเพียง 5-8% แต่ก็ถือว่าให้ผลตอบแทนเพียงพอสำหรับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า"
ฟิทช์ ระบุว่า "แม่แบบ PPP สามารถช่วยแก้ปัญหาด้านงบประมาณให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เนื่องจากโครงการที่ใช้แม่แบบนี้มักมีวงจรชีวิตยาวกว่าโครงการที่อยู่ในรูปแบบ build-transfer ตามที่ใช้กันทั่วไป"
ทั้งนี้ จีนมีการทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2559 เนื่องจากกลุ่มผู้ควบคุมดูแลโครงการมีประสบการณ์และศักยภาพมากขึ้น โดยเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมานั้นมียอดลงทะเบียนโครงการ PPP ถึง 11,260 โครงการ ตามข้อมูลของศูนย์ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนแห่งจีน ในสังกัดกระทรวงการคลังจีน สำนักข่าวซินหัวรายงาน