บรรดาบริษัทชั้นนำต่างๆต่างพากันนำเสนอผลงานในงาน Mobile World Congress (MWC) ซึ่งนับเป็นงานที่ส่งสัญญาณการมาของยุค 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จีนได้มีบทบาทสำคัญด้านการพัฒนา
จากการคาดการณ์ของสมาคมการค้าและผู้จัดงานอย่าง GSMA นั้น เครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์จะเริ่มมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในช่วงต้นทศวรรษหน้า ซึ่งจะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังปูทางให้กับการสนับสนุนอุตสาหกรรมโดยรวม ด้วยการตอบสนองความต้องการแบบใหม่ๆที่ระบบ 4G ไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ตออฟธิง (IoT)
GSMA ระบุว่า การเชื่อมโยงสัญญาณ 5G คาดว่า จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านภายในปี 2568 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 8 ของการเชื่อมโยงแบบไร้สายทั่วโลก
สจ๊วร์ต เรเวลล์ จากศูนย์นวัตกรรม 5G จากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ในอังกฤษกล่าวกับซินหัวว่า ระบบ 1G - 4G นั้น เป็นเรื่องราวของโทรศัพท์และบรอดแบนด์ไร้สาย ในขณะที่ 5G จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวงการเฮลท์แคร์ ยานยนต์ พลังงาน สมาร์ทิตี้ โดยที่แอปพลิเคชั่นและบริการใหม่ๆจะเข้ามาช่วยรับมือกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคม
เรเวลล์กล่าวว่า เทคโนโลยี 5G อาจจะนำไปประยุกต์ใช้กับภาคยานยนต์ ซึ่งอาจจะมีตั้งแต่ระบบความบันเทิงของวิดีโอแบบไฮเดฟในรถยนต์ไปจนถึงระบบความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชนหรือการขับขี่แบบอัตโมัติ
ทางด้านนิชานท์ แซสตี จากคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน กล่าวเห็นพ้องว่า จะมีการสนับสนุนระบบนิเวศน์โดยรวมในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่ง 4G ไม่สามารถตอบสนองความต้องการชุดใหม่ได้ทั้งหมด
ผู้เชี่ยวชาญรายอื่นๆกล่าวว่า จีนเองก็มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนา 5G
ด้านเรเวลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จีนมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรกับเราในด้านการวิจัย พัฒนา ทดสอบ ทดลอง และงานด้านการสร้างมาตรฐาน ซึ่งเรามองว่า จีนเป็นพันธมิตรที่สำคัญสำหรับงานด้าน 5G ภายในมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์
ด้านเฮนรี คาลเวิร์ท หัวหน้าเครือข่าย 2020 ของ GSMA กล่าวว่า นวัตกรรมนั้นอยู่ในจีน ความรู้และประสบการณ์ของจีนนั้นมีค่ากับทั่วโลก
ส่วนแซสตีได้ย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนา 5G ร่วมกัน เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องร่วมกันพัฒนาและประสานในสิ่งที่ทั่วโลกและจีนกำลังดำเนินการ เพื่อที่เราจะได้มีแพลตฟอร์ม 5G ที่เป็นมาตรฐาน
คาลเวิร์ท ชี้ด้วยว่า เราจำเป็นต้องหาสเปคตรัมที่เราสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้านต้นทุน