สื่อสหรัฐรายงานว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกำลังร่างแผนปฏิรูประบบภาษีฉบับทางเลือก เพื่อแทนที่แผนปฏิรูปที่เสนอโดยประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าจะไม่ผ่านการรับรองในสภา สืบเนื่องจากวุฒิสมาชิกจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีตามแหล่งที่มาของสินค้า
หนังสือพิมพ์เดอะ ฮิลล์ รายงานว่า "วุฒิสมาชิกในสังกัดพรรครีพับลิกันกำลังร่างแผนจัดเก็บภาษีฉบับใหม่ โดยคาดว่าแผนปฏิรูปของสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ผ่านความเห็นชอบในรัฐสภาหรืออาจต้องมีการแก้ไขในสาระสำคัญต่อไป" นอกจากนี้สื่อยังระบุด้วยว่า นายมิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ได้ขอเลื่อนกรอบเวลาสำหรับการปฏิรูประบบภาษีที่กำหนดโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อจะให้เวลากับวุฒิสภาในการพิจารณาร่างแผนปฏิรูปภาษีฉบับใหม่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนำโดยนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจากอัตรา 35% และแทนที่ด้วยมาตรการจัดเก็บภาษีโดยพิจารณาจากแหล่งที่ผลิตสินค้าและบริการ หรือที่เรียกว่า "border adjustment tax" ซึ่งอาจเรียกเก็บภาษีสินค้าหรือวัสดุนำเข้าในอัตราสูงถึง 20%
นายไรอันชี้แจงว่า ระบบจัดเก็บภาษีแบบ border adjustment tax นั้น ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่องทางจัดหารายได้เข้ารัฐมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานั้น ส.ส.และ ส.ว.จากรีพับลิกันจำนวนมากต่างออกมาคัดค้านระบบภาษีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การจัดเก็บภาษีลักษณะนี้อาจทำให้ผู้ผลิตหันไปกำหนดราคาสินค้าให้สูงขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค
ด้านนายออร์ริน แฮตช์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการคลังของวุฒิสภา กล่าวว่า "ผมไม่คิดว่าแผนปฏิรูปภาษี (ของพอล ไรอัน) จะผ่านความเห็นชอบในรัฐสภา และเราก็ได้ลงมือร่างแผนปฏิรูปตามแนวทางของเราแล้ว"
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะให้การสนับสนุนแผนปฏิรูปของนายไรอันหรือไม่ แต่ในสัปดาห์ที่แล้ว นายเควิน เบรดี ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้แห่งสภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ไม่เห็นด้วยนักกับชื่อเรียกระบบจัดเก็บภาษีแบบ border adjustment tax แต่เขาชื่นชอบในหลักการจัดเก็บภาษีดังกล่าว