แถลงการณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในการประชุมที่เมืองบาเดน-บาเดน เยอรมนี วันที่ 17-18 มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุถึงจุดยืนร่วมกันด้านการค้าและอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม มีการถอดประเด็นต่อต้านการกีดกันทางการค้าออกจากแถลงการณ์ร่างสุดท้ายของการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
แถลงการณ์ของกลุ่ม G20 ระบุว่า ประเทศสมาชิกกำลังดำเนินการเพื่อส่งเสริมการค้าให้มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศ
นอกจากนี้ G20 ยังย้ำถึงจุดยืนด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยระบุว่า กลุ่มสมาชิกจะงดเว้นการลดค่าเงินเพื่อการแข่งขัน
"เราขอย้ำอีกครั้งว่า ความผันผวนที่มากเกินและความเคลื่อนไหวที่ไร้ระเบียบในอัตราแลกเปลี่ยน อาจส่งผลร้ายแรงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน" แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ G20 ยังสนับสนุนให้ผลักดันกฎระเบียบภาคธนาคารให้เป็นอันเสร็จสิ้น ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่อาจจะถอนตัวออกจากหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินบาเซิล III (Basel III) หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยแสดงจุดยืนผ่อนคลายกฎระเบียบภาคการเงิน
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม G20 ได้ถอดคำว่า "การต่อต้านการกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ" ออกจากแถลงการณ์ฉบับร่างสุดท้าย ซึ่งอาจจะสะท้อนความคลุมเครือของการค้าโลกในอนาคต โดยในการประชุมปีที่แล้วที่ประเทศจีน ประเทศสมาชิกได้ให้คำมั่นที่จะต่อต้านการกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ
แถลงการณ์ในปีนี้ยังไม่ได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยพูดว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเป็นเรื่องลวงโลก
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า กลุ่ม G20 ยอมรับว่าความเสี่ยงขาลงทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ พร้อมกับแสดงความตั้งใจที่จะใช้เครื่องมือนโยบายทุกประเภท ได้แก่ การเงิน การคลัง และเชิงโครงสร้าง เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน สมดุล และรอบด้าน
กลุ่ม G20 ประกอบด้วยอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล สหราชอาณาจักร แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ตุรกี สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป