กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเสถียรภาพการเงินโลก (Global Financial Stability Report) โดยระบุว่า เสถียรภาพทางการเงินทั่วโลกยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่เดือนต.ค.ที่แล้ว แต่ก็เตือนว่า การที่ภาคเอกชนของสหรัฐมีการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจนั้น จะส่งผลให้เสถียรภาพทางการเงินโลกตกอยู่ในความเสี่ยง "ปัจจัยใหม่ๆที่ส่งผลคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงินในขณะนี้ เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายการเงินทั่วโลก หากการปฏิรูปภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในสหรัฐไม่สามารถผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงและความผันผวน ซึ่งจะบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน" รายงานของ IMF ระบุ
รายงานระบุว่า การก่อหนี้ของบริษัทในสหรัฐเพิ่มขึ้น จึงทำให้ภาคธุรกิจบางส่วนเสี่ยงแบกรับต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น
สำหรับภาคธุรกิจที่ขาดสภาพคล่อง อาทิ พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค อาจเผชิญสถานการณ์ท้าทายในการขยายการลงทุนโดยที่ไม่กู้ยืมเพิ่ม ถึงแม้การปรับลดอัตราภาษีอาจจะเกิดขึ้นตามคาดหมาย
นอกจากนี้ IMF เตือนว่า การก่อหนี้เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในสหรัฐ นอกจากนี้ นโยบายกีดกันทางการค้าจะส่งผลให้เกิดกระแสเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่และบั่นทอนแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ