นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวโจมตีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป (EU) ในกรุงบรัสเซลส์ โดยระบุว่า บุคคลเหล่านี้กำลังพยายามทำลายการเจรจาเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นางเมย์ได้แถลงที่บริเวณด้านนอกทำเนียบดาวนิ่งสตรีท หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระราชวังบักกิงแฮมเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ได้ประกาศยุบรัฐสภาอังกฤษอย่างเป็นทางการ ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย.
นางเมย์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ได้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าอังกฤษจะปรารถนาสิ่งใด ก็ยังมีบุคคลบางรายในสหภาพยุโรปที่ไม่ต้องการให้การเจรจา Brexit เป็นผลสำเร็จ และไม่ต้องการให้อังกฤษเจริญรุ่งเรือง
นางเมย์กล่าวว่า "คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) มีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นในการเจรจา ขณะที่นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ในสหภาพยุโรปได้มีคำขู่ต่ออังกฤษ"
นายกรัฐมนตรีอังกฤษมองว่า การกระทำเหล่านี้จงใจที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
"ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย. ผู้นั้นก็จะต้องเผชิญกับภารกิจที่สำคัญเหนือสิ่งใด นั่นคือการบรรลุข้อตกลง Brexit ที่ดีที่สุดสำหรับสหราชอาณาจักร และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เราก็ได้เห็นว่าการเจรจาดังกล่าวยากเย็นเพียงใด"
นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังกล่าวด้วยว่า "ดิฉันได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในหนังสือที่ส่งถึงประธานสภายุโรป เรื่องการประกาศใช้มาตรา 50 เมื่อเดือนที่ผ่านมา ในจดหมายมีเนื้อความว่า แม้ว่าอังกฤษกำลังจะออกจากสหภาพยุโรป แต่อังกฤษไม่ได้มีความมุ่งร้ายต่อมิตรสหายและพันธมิตรในทวีปนี้"
อย่างไรก็ดี นางเมย์ได้ย้ำจุดยืนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ว่า หากอังกฤษบรรลุข้อตกลงที่ให้ผลประโยชน์ไม่ได้ก็อย่ามีเลยจะดีเสียกว่า พร้อมกับเตือนด้วยว่า "แม้อังกฤษยังมีโอกาสอีกมหาศาลขณะที่ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป แต่หากเราเดินหน้าในทางที่ผิดแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะร้ายแรงมาก และผลกระทบเหล่านี้จะส่งผลถึงประชาชนทั่วไปที่ทำงานอยู่ในอังกฤษ"
นางเมย์กล่าวว่า "หากเราไม่หยัดยืนที่จะทำให้การเจรจานี้ถูกต้องแล้ว เท่ากับว่าเราปล่อยให้งานที่มีความมั่นคงและรายได้ดีตกอยู่ในความเสี่ยงสำหรับลูกๆและหลานๆของเรา หากเราเจรจาไม่ถูกต้อง หากเราปล่อยให้บุคคลในสหภาพยุโรปอยู่เหนือเรา เราก็จะเสียโอกาสในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความยุติธรรมยิ่งขึ้น เพื่อมอบโอกาสที่แท้จริงให้กับทุกคน"
ทั้งนี้ นางเมย์และพรรคอนุรักษนิยมยังคงมีคะแนนนำในผลสำรวจ ซึ่งหากผลสำรวจถูกต้องแล้ว นางเมย์จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย. โดยจะคว้าเสียงข้างมากได้มากขึ้น