รัฐบาลอิสราเอลประกาศตัดงบประมาณสนับสนุนองค์การสหประชาชาติ (UN) จำนวน 1 ล้านดอลลาร์ สืบเนื่องจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ลงมติวิพากษ์นโยบายของรัฐบาลอิสราเอลเกี่ยวกับการขุดค้นทางโบราณคดีในนครเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นดินแดนพิพาทระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา องค์การยูเนสโกได้ผ่านร่างมติในการตำหนิอิสราเอล หลังอิสราเอลยังคงเดินหน้าขุดค้นทางโบราณคดีในเขตนครโบราณของเยรูซาเล็มตะวันออก โดยดินแดนดังกล่าว อิสราเอลยึดครองมาจากจอร์แดนในสงครามปี 1967
ความเคลื่อนไหวของยูเนสโกส่งผลให้รัฐบาลอิสราเอลออกมาตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยว โดยนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้กล่าวประณามในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ว่า มติดังกล่าว "เป็นเรื่องหลอกลวง"
"สืบเนื่องจากมติดังกล่าว ผมจึงสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศตัดงบประมาณจากกองทุนช่วยเหลือที่มอบให้กับองค์การสหประชาชาติเป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์" นายเนทันยาฮู กล่าว
"อิสราเอลจะไม่นิ่งเฉยในขณะที่ยูเอ็นมีท่าทีปฏิเสธอำนาจอธิปไตยของเราเหนือดินแดนเยรูซาเล็ม" นายกฯอิสราเอล กล่าวเสริม
นอกจากนี้ รัฐบาลอิสราเอลยังได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำอิสราเอลมารับฟังการตำหนิ สืบเนื่องจากผู้แทนของสวีเดนได้โหวตเห็นชอบในร่างมติของยูเนสโกด้วย
ในแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลระบุว่า เอกอัครราชทูต คาร์ล แม็กนุส เนสเซอร์ ของสวีเดนถูกเรียกตัวเข้าพบ เนื่องจากสวีเดนเป็นชาติยุโรปเพียงประเทศเดียวที่โหวตสนับสนุนร่างมติดังกล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของปาเลสไตน์ได้ออกมาแสดงความยินดีกับการผ่านมติดังกล่าว โดยระบุว่า "การตัดสินใจครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการรับมือกับภยันตรายที่มาจากการกระทำผิดกฎหมายของอิสราเอล ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อบูรณภาพทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของโบราณสถานที่ประมาณค่ามิได้"
ทั้งนี้ ร่างมติของยูเนสโก ซึ่งผลักดันโดยอียิปต์ เลบานอน แอลจีเรีย โมร็อกโก โอมาน และซูดานนั้น ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 22-10 โดยมี 23 ชาติงดออกเสียง โดยมติดังกล่าวมุ่งหมายที่จะหยุดยั้งโครงการขุดค้นของอิสราเอลในนครโบราณ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักซอ หรือ โดมออฟร็อค และศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวหลายแห่ง
มติดังกล่าวระบุว่า "อิสราเอลได้ใช้กำลังเข้ายึดครอง" และเรียกร้องให้ยุติการขุดค้น หรือสร้างอุโมงค์ หรือเดินหน้าโครงการต่างๆในเยรูซาเล็ม ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อปีที่แล้ว องค์การยูเนสโกได้ผ่านร่างมติฉบับหนึ่งโดยไม่ระบุถึงความสัมพันธ์ของชาวยิวที่มีต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งในนครเยรูซาเล็ม ส่งผลให้รัฐบาลอิสราเอลตอบโต้ด้วยการประกาศระงับความร่วมมือกับยูเนสโก