ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกคว้าน้ำเหลวในการโน้มน้าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐให้ปฏิบัติตามความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ในระหว่างการประชุมซัมมิต G7 วันแรกที่ประเทศอิตาลีเมื่อวานนี้ โดยปธน.ทรัมป์ยังคงยืนกรานว่า กฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวเป็นตัวการสำคัญที่จะฉุดรั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ อีกทั้งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างงานให้กับชาวอเมริกันอีกด้วย
การประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาสองวันที่เมืองตาออร์มินา ประเทศอิตาลี เปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ โดยนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น พร้อมด้วยผู้นำประเทศคนอื่นๆ ต่างก็เรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ยึดมั่นในข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมที่จัดทำขึ้นในปี 2558 พร้อมกับระบุด้วยว่า "ผมเชื่อว่ามันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสหรัฐที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศทั่วโลก"
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ ซึ่งยึดมั่นจุดยืน "อเมริกาต้องมาก่อน" นั้น จะตัดสินใจภายหลังการประชุมซัมมิตที่อิตาลีว่า สหรัฐจะหันหลังให้กับพันธสัญญาในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือความตกลงปารีสหรือไม่
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าวเสริมว่า "ทรัมป์ต้องการเวลาเพื่อทำความเข้าใจกับประเด็นปัญหาเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง"
นอกจากประเด็นสภาพภูมิอากาศที่คาดกันว่าที่ประชุมจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆกันได้แล้ว ผู้นำ G7 ยังมีความเห็นไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับประเด็นการค้าเช่นกัน โดยปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆยึดถือแนวทางปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน พร้อมกับยื่นเงื่อนไขว่า หากสหรัฐลดกำแพงภาษีสำหรับสินค้านำเข้าบางรายการแล้ว ประเทศอื่นๆก็ควรจะปฏิบัติตามโดยการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราเดียวกัน
ปธน.ทรัมป์กล่าวในที่ประชุมด้วยว่า เขาไม่ต้องการที่จะเห็นโลกตั้งกำแพงภาษีที่สูงลิ่ว แต่เขาต้องการที่จะเห็นการค้าที่เป็นธรรม เสรีและเปิดกว้าง
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ประชุมซัมมิต G7 จะมีความขัดแย้งกันในประเด็นสภาพภูมิอากาศและการค้า แต่ผู้นำ G7 ได้เห็นพ้องต้องกันที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย โดยทุกฝ่ายให้คำมั่นที่จะร่วมกันทลายช่องทางหรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนด้านการเงินให้กับกลุ่มก่อการร้าย นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุระเบิดโจมตีเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย