ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่า รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งของธนาคารมีแนวโน้มหดตัวลงในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยนางแมรีแอนน์ เลค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยในระหว่างการประชุมนักลงทุนซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินอาจส่งผลให้รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งของธนาคารร่วงลงอย่างหนักถึง 15% ในไตรมาส 2 ขณะที่นายไบรอัน มอยนิฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งของธนาคารมีแนวโน้มลดลงราว 10-12% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ นายเจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่า รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งของธนาคารมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา
นายกอร์แมนกล่าวว่า การคาดการณ์ของเจพีมอร์แกน และแบงก์ ออฟ อเมริกา สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่กำลังเกิดขึ้นในธุรกิจเทรดดิ้ง และมอร์แกน สแตนลีย์เองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยลบที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงหนักสุด นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกนปิดตลาดร่วงลง 2.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 1.9% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.28%