นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวอลท์ ดิสนีย์ เตรียมสละตำแหน่งในทีมที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว เนื่องจากผิดหวังต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้นำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาโลกร้อน"
ซีอีโอของเทสลาระบุไว้ในทวิตเตอร์ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องจริง การถอนตัวออกจากความตกลงปารีสไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศใด โดยเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ปธน.ทรัมป์ยึดมั่นในข้อตกลงปารีสแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
นอกเหนือจากสองบริษัทนี้แล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐกว่า 25 แห่ง ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล กูเกิล เฟซบุ๊ก แก๊ป ไมโครซอฟท์ และยูนิลีเวอร์นั้น ยังได้ร่วมลงนามในหนังสือคัดค้าน ซึ่งตีพิมพ์ลงในหน้าโฆษณาของหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่วางจำหน่ายในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมกับเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์เปลี่ยนใจ โดยระบุว่าข้อตกลงปารีสจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า เขาได้ตัดสินใจนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ"
"สหรัฐจะยุติการมีส่วนร่วมในความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า คณะทำงานของเขาจะยุติการแบกรับภาระทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน อันเนื่องมาจากการต้องปฏิบัติตามความตกลงปารีส
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ความตกลงปารีส เป็น "ตัวถ่วง" สหรัฐ แต่กลับ "ให้อำนาจ" กับประเทศอื่นๆ พร้อมกล่าวว่า สหรัฐอาจจะกลับไปเจรจาเพื่อเข้าร่วมกับความตกลงปารีสใหม่อีกครั้งในวันข้างหน้า แต่เรื่องนี้จะไม่อยู่ในวาระสำคัญของคณะทำงานในยุคสมัยของเขา
ทั้งนี้ ประเทศเกือบ 200 ประเทศได้ให้การสนับสนุนความตกลงนี้ที่กรุงปารีสในปี 2558 เพื่อลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐมีพันธกรณีที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 26-28% จากระดับของปี 2548 ภายในปี 2568