รัฐบาลกรีซยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้บรรดารัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซน หรือ ยูโรกรุ๊ป อนุมัติความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่ให้แก่กรีซ ในการประชุมยูโรกรุ๊ปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ หลังจากกรีซสามารถผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดีขึ้น
สำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซ (ELSTAT) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งเพิ่มขึ่นจากการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP หดตัวลง 0.1% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของนายอเล็กซิส ซิปราสเปิดเผยว่า "ตัวเลข GDP ในไตรมาสแรกปีนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจกรีซกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานที่ชัดเจนว่า กรีซมีความคืบหน้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจ และควรได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินรอบใหม่จากยูโรกรุ๊ป พร้อมระบุว่า การตัดสินใจของยูโรกรุ๊ปในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ มีความสำคัญต่อกรีซอย่างมาก เพราะจะช่วยให้กรีซสามารถรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
นายยูคลิด ซาคาโลตอส รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซ กล่าวว่า การอนุมัติความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่ให้แก่กรีซ 6.4 พันล้านยูโร ถือเป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากกรีซจำเป็นต้องใช้เงินก้อนดังกล่าวในการชำระหนี้ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนก.ค.
ในการประชุมยูโรกรุ๊ปครั้งที่แล้ววันที่ 22 พ.ค. รัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และรัฐบาลกรีซ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้กรีซ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประชุมยุโรกรุ๊ปครั้งที่แล้ว รัฐสภากรีซมีมติอนุมัติร่างกฎหมายมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อเดินหน้าปรับลดเงินบำนาญและปรับขึ้นภาษีรอบใหม่จนถึงปี 2563
แหล่งข่าวในแวดวงธนาคารกรีซระบุว่า การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะเปิดทางให้กรีซได้เข้าร่วมโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งจะทำให้กรีซสามารถเข้าถึงตลาดทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2557
อย่างไรก็ตาม IMF และ เยอรมนี ไม่มั่นใจในแนวทางที่กรีซใช้ในการจัดการงบดุล และเยอรมนีก็มีความไม่พอใจเป็นทุนเดิมที่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้เพื่อให้ความช่วยเหลือกรีซ