อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เปิดฉากเจรจาว่าด้วยการถอนอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ที่กรุงบรัสเซลล์ เมื่อวานนี้ ท่ามกลางสัญญาณที่เป็นบวก โดยนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่มีความยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย
นายบาร์นิเยร์ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกับนายเดวิด เดวิส ตัวแทนเจรจาฝ่ายอังกฤษ ว่า "มีความเป็นไปได้ที่ทั้ง EU และสหราชอาณาจักรจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย และแน่นอนว่าข้อตกลงนี้ย่อมดีกว่าการไม่มีข้อตกลงอะไรเลย"
นอกจากนี้ นายบาร์นิเยร์ ยังกล่าวยกย่องการเจรจานัดแรกระหว่าง EU และอังกฤษในครั้งนี้ว่าเป็นการพูดคุยที่ "สำคัญ" "เปิดกว้าง" และ "มีประโยชน์"
"เราเห็นพ้องกันในเรื่องกรอบเวลา เราตกลงกันในเรื่องของรูปแบบการจัดการ รวมถึงลำดับความสำคัญของการเจรจา" นายบาร์นิเยร์เปิดเผย พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่จะแบ่งการเจรจาออกเป็นสองขั้นตอน
"ในขั้นตอนแรก เราจะหารือกันเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนก่อน โดยเราจะต้องขจัดความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากผลพวงของ Brexit เนื่องจากเราต้องการความมั่นใจว่า กระบวนการแยกตัวของสหราชอาณาจักรจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยการเจรจาขั้นแรกซึ่งจะจัดขึ้นหลายรอบนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ มิติด้านสิทธิพลเมือง การแก้ปัญหาภาคการเงิน และประเด็นแยกย่อยอื่นๆ ส่วนการเจรจาในขั้นที่สองนั้น เราจะให้ความสำคัญกับความร่วมมือในอนาคตของเรา ซึ่งเราเห็นพ้องกันถึงแนวทางที่เราจะสร้างกลไกของเรา" นายบาร์นิเยร์กล่าว
นายบาร์นิเยร์ กล่าวเสริมด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายจะจัดการเจรจาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ในทุกๆเดือน และจะใช้เวลาในช่วงที่เหลือทำงานร่วมกันในประเด็นข้อเสนอต่างๆ และการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
ผู้แทน EU ยังยืนยันด้วยว่า เขาจะแสดงทัศนคติในทางสร้างสรรค์โดยยึดถือผลประโยชน์และการสนับสนุนจากชาติสมาชิก EU ทั้ง 27 ประเทศ และเขาจะขอแรงสนับสนุนจากรัฐสภายุโรปอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายเดวิส ผู้แทนเจรจาของอังกฤษ ได้กล่าวยกย่องการเจรจาในรอบแรกนี้ว่าเป็นประโยชน์ พร้อมกับแสดงความดีใจที่ทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนร่วมกันมากมาย
"มันชัดเจนตั้งแต่เริ่มเปิดการเจรจาแล้วว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต่างก็ยังต้องการกระชับความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นต่อไป" นายเดวิสกล่าว