ศาลกรุงลอนดอนมีคำพิพากษาเมื่อวานนี้ว่า ข้อตกลงที่รัฐบาลอังกฤษขายอาวุธให้กับซาอุดิอาระเบียนั้นไม่ผิดกฎหมาย หลังมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านการค้าอาวุธได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่า การขายเครื่องบินขับไล่แบบยูโรไฟเตอร์ ไทฟูน รวมถึงระเบิด และยุทโธปกรณ์อื่นๆให้กับซาอุดิอาระเบียนั้นเป็นการละเมิดต่อกฎหมายด้านมนุษยธรรม เนื่องจากซาอุดิอาระเบียอาจใช้อาวุธเหล่านี้ไปโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงในเยเมน ซึ่งจะทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก
ผู้พิพากษาอ่านคำวินิจฉัยว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวซึ่งใช้ชื่อว่า "Campaign Against Arms Trade" นั้น ไม่อาจพิสูจน์ให้ศาลเห็นถึงความเสี่ยงที่ชัดแจ้งว่าอาวุธเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) อย่างร้ายแรง
ศาลระบุในคำวินิจฉัยด้วยว่า นายเลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการส่งออกอาวุธให้กับซาอุดิอาระเบียนั้น ได้ยื่นเอกสารลับทางราชการให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งมีน้ำหนักและนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า กองกำลังแนวร่วมชาติอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบีย ไม่มีเจตนารมณ์ที่จะโจมตีโดยพุ่งเป้าหมายไปที่พลเรือนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คำสั่งไฟเขียวของศาลอังกฤษได้หนุนหุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมการบินและอาวุธรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้นถึง 2% ที่ตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ โดยบริษัทดังกล่าวมีซาอุดิอาระเบียเป็นลูกค้ารายใหญ่ ด้วยยอดขายคิดเป็นสัดส่วนถึง 21% ของรายได้ทั้งหมดของบีเออี ซิสเต็มส์ในปี 2559
ด้านนางโรซา เคอร์ลิง ทนายความฝ่ายโจทก์ได้ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินของศาลในครั้งนี้ โดยยืนยันว่า ลูกความของเธอจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวทันที นอกจากนี้เธอยังระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า อังกฤษจะต้องระงับการค้าอาวุธให้กับซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมอย่างชัดเจน โดยข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติระบุว่า มีประชาชนที่เสียชีวิตจากผลพวงของสงครามกลางเมืองในเยเมนแล้วกว่า 10,000 คน นับตั้งแต่ที่กองกำลังแนวร่วมได้เปิดฉากทิ้งระเบิดโจมตีเยเมนในเดือนมี.ค. 2558 โดยในช่วงเวลาดังกล่าว อังกฤษได้อนุมัติขายอาวุธให้กับซาอุดิอาระเบียรวมมูลค่า 3.3 พันล้านปอนด์