โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งจัดทำโดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 61% คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีในเดือนก.ย.นี้ ขณะที่อีก 14.5% คาดว่า เฟดจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนธ.ค.
โพลล์สำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 65% ที่ตอบรับทำแบบสอบถาม คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ของปีนี้ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเดือนธ.ค. โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 33.9% ที่สำรวจในเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ งบดุลบัญชีของเฟดได้ขยายตัวสู่ระดับประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน หลังจากที่เฟดได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แล้ว 3 ครั้ง เพื่อรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551
การที่เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งนั้น ทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเตรียมพิจารณาถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อหรือภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่
โดยในการประชุมเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2558 พร้อมกับส่งสัญญาณที่จะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ในปีนี้
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้เน้นย้ำในระหว่างการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีในปีนี้ ขณะเดียวกันก็จะจับตาการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด