สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) เปิดเผยว่า แผนงบประมาณที่คณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศไว้เมื่อเดือนพ.ค.นั้น จะทำให้การขาดดุลการคลังของสหรัฐลดลง แต่จะไม่ถึงจุดสมดุลภายใน 10 ปีอย่างที่ทำเนียบขาวได้อ้างไว้
CBO คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการคลังจะปรับตัวลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ที่ 6.93 แสนล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 5.93 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2561 เมื่อประเมินจากข้อเสนอของทำเนียบขาว
ทั้งนี้ หลังจากปี 2561 ยอดขาดดุลมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.2 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2570 อย่างไรก็ดี ทางสำนักงบประมาณประจำทำเนียบขาวคาดการณ์ไว้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้สหรัฐเกินดุลการคลัง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2570
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้ CBO มองว่าสหรัฐจะขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้นนั้นมาจากการคาดการณ์เศรษฐกิจในหลากหลายแง่มุม โดยรัฐบาลสหรัฐได้คาดการณ์ไว้ว่าทางรัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อประเมินจากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวเร็วขึ้น
CBO ยังระบุด้วยว่า แม้แผนงบประมาณของปธน.ทรัมป์จะไม่ถึงจุดสมดุลภายใน 10 ปี แต่ก็ยังสามารถทำให้หนี้สินของประเทศปรับตัวลดลง
CBO ประมาณการว่า ภายในปลายปี 2570 หนี้สาธารณะของสหรัฐจะอยู่ที่ 80% ของ GDP ซึ่งลดลง 11% เมื่อเทียบกับอัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จากการคาดการณ์ตามแนวฐานของ CBO