นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการลดยอดขาดดุลการค้ากับเม็กซิโกและแคนาดา ด้วยการเจรจาแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
นายไลท์ไฮเซอร์ กล่าวในการแถลงสรุปการเจรจาแก้ไขข้อตกลงการค้าระหว่างทั้ง 3 ประเทศในครั้งนี้ว่า "นอกจาก ปธน.ทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่รื้อข้อตกลงซึ่งครอบคลุมด้านการค้าเสรีของประเทศอย่าง NAFTA ออกมาเจรจาใหม่แล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ผู้แทนการค้าสหรัฐนำประเด็นเรื่องการขาดดุลการค้ามาบรรจุไว้เป็นเป้าหมายเฉพาะของการเจรจาแก้ไขข้อตกลง NAFTA ครั้งใหม่นี้"
ทั้งนี้ การเจรจาแก้ไขข้อตกลง NAFTA ซึ่งถูกใช้มาแล้วถึง 23 ปีฉบับนี้ จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคมที่จะถึงนี้
ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า "การเจรจาเพื่อแก้ข้อตกลง NAFTA ครั้งใหม่นี้ คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ จะแสวงหาข้อตกลงที่ดีขึ้นเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ และมอบความเป็นธรรมให้กับชาวอเมริกัน โดยจะทำให้ผู้ผลิต เกษตรกร และผู้ให้บริการจากสหรัฐ เข้าถึงตลาดเม็กซิโกและแคนาดาได้ง่ายขึ้น"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การเจรจาแก้ไขข้อตกลงฉบับนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัททั้งจากญี่ปุ่นและต่างชาติที่ดำเนินกิจการอยู่ในเม็กซิโก เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น ที่เข้าไปตั้งบริษัทอยู่ในเม็กซิโกเพื่อส่งสินค้าเข้ามาขายในตลาดสหรัฐ เนื่องจากค่าแรงถูกกว่า
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐพบว่า เมื่อปี 2559 สหรัฐขาดดุลการค้ากับเม็กซิโกเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์ และขาดดุลการค้ากับแคนาดา 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์