สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดเผยว่า การขยายตัวของผู้โดยสารเครื่องบินในภูมิภาคตะวันออกกลางชะลอตัวลงเหลือเพียง 2.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าความต้องผู้โดยสารในทุกภูมิภาคทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นถึง 7.5% ในเดือนดังกล่าว
IATA กล่าวว่า ความต้องการของผู้โดยสารในตลาดตะวันออกกลางในเดือนมิ.ย.ได้ชะลอตัวลงจากอัตราการขยายตัวที่ 3.7% ของเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
IATA อธิบายว่า ความต้องการที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในตลาดตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือนั้น สืบเนื่องมาจากผลกระทบของปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเครื่องบิน และการห้ามเดินทางของพลเมืองจากบางประเทศ
ทั้งนี้ แม้ว่าการประกาศห้ามนำแล็ปท็อปขึ้นเครื่องบินจากสนามบิน 10 แห่งในตะวันออกกลางจะถูกยกเลิกไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีการห้ามเดินทางยังคงมีอยู่สำหรับพลเมืองจาก 6 ประเทศในตะวันออกกลางซึ่งได้แก่ อิหร่าน โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน
IATA กล่าวว่า ความสามารถในการให้บริการของภูมิภาคในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.1% ส่วนจำนวนผู้โดยสารต่อที่นั่งลดลง 0.4 จุดสู่ระดับ 68.9% ซึ่งสัดส่วนผู้โดยสารต่อจำนวนที่นั่งที่ต่ำกว่า 70% นั้นถือว่าเป็นการขาดทุนของธุรกิจการบินพลเรือน
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวไม่ได้แสดงความเห็นถึงผลกระทบต่อการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกาตาร์ของกลุ่มประเทศในอาหรับซึ่งนำโดยซาอุดิอาระเบียเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งส่งผลให้สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สซึ่งเป็นสายการบินขนาดใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาครองจากสายการบินเอมิเรตส์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ไม่สามารถบินผ่านซาอุดิอาระเบีย, UAE, บาห์เรน และอิยิปต์ได้