หนังสือพิมพ์เดอะฮิลล์ของสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับปัญหาความแตกแยกภายในเกี่ยวกับแนวทางในการร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าคณะทำงานภายในทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันจะเห็นพ้องกันว่า อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บจากบริษัทสหรัฐในปัจจุบันจะอยู่ในระดับที่สูงเกินไป โดยในเวลานี้ บรรดาผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายยังคงถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนถึงอัตราภาษีที่เหมาะสมสำหรับภาคธุรกิจสหรัฐ
เดอะฮิลล์รายงานว่า "ผู้กำหนดนโยบายบางคนมีความต้องการให้ปรับลดภาษีในระดับที่มากกว่าข้อเสนอของอีกกลุ่ม" ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาความเป็นเอกภาพภายในพรรครีพับลิกันในการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีให้ทันก่อนสิ้นปีนี้
ก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย. ทำเนียบขาวได้เปิดเผยรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีของรัฐบาล โดยคณะบริหารของทรัมป์ต้องการให้ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 15% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวคิดของนายมาร์ค มีโดว์ส ประธานกลุ่มฟรีดอม คอคัสในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่ต้องการให้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาอยู่ในช่วง 15-18% โดยเขาเชื่อว่า อัตราภาษีที่ระดับสูงกว่า 20% นั้น ไม่เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม นายออร์ริน แฮตช์ ประธานคณะกรรมาธิการการคลังของวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในระหว่างการร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีนั้น กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การปรับลดภาษีลงมาอยู่ที่ระดับ 15% เป็นเรื่องที่ยากมากในทางปฏิบัติ
นายแฮตช์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า "ท่านประธานาธิบดีต้องการให้ผู้กำหนดนโยบายลดภาษีมาอยู่ที่ระดับ 15% ซึ่งผมก็เห็นชอบในแนวคิดดังกล่าว หากเราทำเช่นนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ผมสงสัยว่าเราจะทำได้หรือไม่ แต่สำหรับผมแล้วจะเป็นการดีกว่า ถ้าเราจะจัดเก็บภาษีที่อัตรา 20%"
รายงานระบุว่า ระดับของการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจะขึ้นอยู่กับว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับใหม่จะทำให้รัฐสามารถจัดเก็บรายได้ทางภาษีในจำนวนเท่าเดิมจากการปรับขึ้นภาษีกลุ่มอื่นแทนได้หรือไม่ หรือแผนรองรับจากผู้กำหนดนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้กับรัฐเพื่อชดเชยเงินภาษีที่จะขาดหายไป
ทั้งนี้ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐประสบความล้มเหลวในการโหวตล้มเลิกกฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลชุดก่อน หรือ "โอบามาแคร์" นั้น ทำให้บรรดาแกนนำของพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสได้หันมาให้ความสำคัญกับการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีแทน อย่างไรก็ตาม ก็เกิดคำถามขึ้นตามมาว่า รัฐสภาสหรัฐซึ่งมีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภาจะสามารถผ่านกฎหมายปฏิรูประบบภาษีได้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้หรือไม่