รายงานจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กระบุว่า บริษัทสตาร์ทอัพของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาทางการเงินมากกว่าบริษัทที่เติบโตเต็มที่แล้ว ถึงแม้ว่าบริษัทสตาร์ทอัพจะมีส่วนช่วยหนุนให้เกิดอัตราการจ้างงานในสหรัฐมากขึ้นก็ตาม
รายงานระบุว่า บริษัทสตาร์ทอัพของสหรัฐที่ก่อตั้งมาแล้ว 5 ปีหรือน้อยว่า มักมีอัตราส่วนการจ้างงานและผลประกอบการมากกว่าบริษัทขนาดเล็กที่เติบโตเต็มที่แล้วถึง 2 เท่าด้วยกัน
ขณะที่ผลการสำรวจในปี 2557 พบว่า สหรัฐมีบริษัทสตาร์ทอัพมีสัดส่วนราว 34% ของบริษัททั้งหมดในสหรัฐ และมีสัดส่วนการจ้างงานเกือบ 20% ของตัวเลขการจ้างงานโดยรวม
อย่างไรก็ดี บริษัทสตาร์ทอัพมีแนวโน้มที่จะยื่นขอเงินกู้มากกว่าบริษัทที่เติบโตเต็มที่แล้ว แต่บริษัทสตาร์ทอัพมักจะกู้ยืมเงินในอัตราส่วนที่น้อยกว่า โดยยื่นขอกู้เพียง 100,000 ดอลลาร์หรือน้อยกว่า
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุอีกด้วยว่า บริษัทสตาร์ทอัพกว่า 69% มักประสบปัญหาเงินไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน เมื่อเทียบกับสัดส่วนของบริษัทที่เติบโตเต็มที่แล้ว 54%
รายงานของเฟดสาขานิวยอร์กยังระบุว่า ปัญหาดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในบริษัทสตาร์ทอัพที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่เกิน 2 ปี ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะล้มละลายสูงกว่าบริษัทที่ก่อตั้งมาแล้ว 3-5 ปี