ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยวอลล์สตรีท เจอร์นัล บ่งชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ และจะเริ่มดำเนินการปรับลดงบดุลลงจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในการประชุมเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2561 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเฟดเอง
สก็อตต์ แอนเดอร์สัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแบงก์ ออฟ เวสต์ กล่าวว่า "ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกได้กล่าวแสดงความเห็นว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ แต่อาจจะเริ่มดำเนินการปรับลดงบดุลในเดือนก.ย.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศแผนการปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ลงในปีนี้
ทั้งนี้ เฟดได้ถือครองสินทรัพย์จำนวนมากในช่วงที่ดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานในช่วงที่สหรัฐเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้งบดุลเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์