นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.ของสหรัฐที่มีการขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์นั้น ถือเป็นเหตุผลล่าสุดที่อาจทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มฟื้นตัวขึ้น
"อีกครั้งหนึ่งที่เราได้เห็นดัชนี CPI ขยายตัวในระดับที่ต่ำมาก เราควรรอดูสัญญาณบ่งชี้ด้านเงินเฟ้อให้ชัดเจนกว่านี้ ก่อนที่จะดำเนินการใดๆกับนโยบายการเงิน" นายแคชแครีกล่าวในการประชุมนายธนาคารซึ่งจัดขึ้นในรัฐมินเนอาโพลิส
การแสดงความเห็นของนายแคชแครีมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. โดยดัชนีขยายตัวที่ระดับ 0.1% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของนายแคชแครียังสอดคล้องกับความเห็นของนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ซึ่งกล่าวเมื่อวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับ"เป็นกลาง" ดังนั้นเฟดควรจะรอด้วยความอดทนต่อไปเพื่อหาหลักฐานบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น ก่อนที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งใหม่
ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเพียง 38% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ โดยลดลงจาก 45% ก่อนการเปิดเผยดัชนี CPI