นายเซิ่ง ซ่งเฉิง ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดกระแสคาดการณ์ในตลาดเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับลดอัตราส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) หลังจากธนาคารกลางได้อัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากถึง 3.995 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาดผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวไชน่า นิวส์ เซอร์วิสของทางการจีนรายงานว่า นายซ่งเฉิงกล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินจะไม่ปรับตัวขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว หรืออาจปรับตัวลงเล็กน้อย
ภายใต้นโยบายการเงินในลักษณะ "รอบคอบและเป็นกลาง" นั้น ธนาคารกลางจีนได้คุมเข้มนโยบายการเงินเล็กน้อยในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรก แต่หลังจากนั้นธนาคารกลางได้ใช้วิธีอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดแทน เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
นายซ่งเฉิงกล่าวว่า ธนาคารกลางจีนเห็นว่าควรใช้วิธีการเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ตลาด ผ่านทางเครื่องมือทางการเงิน เช่น โครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF), โครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และโครงการจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติม (PSL) ทั้งนี้ SLF เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนสภาพคล่องสำหรับสถาบันการเงิน ส่วน MLF เป็นเครื่องมือด้านนโยบายที่ธนาคารกลางนำมาใช้เพื่อจัดการภาวะด้านการเงินและอัตราดอกเบี้ยระยะกลางในระบบการเงินและตลาดเงิน ให้เป็นไปอย่างสมดุล