เม็กซิโก แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันสรุปการเจรจารอบแรกเพื่อปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ที่ประกาศใช้มานานถึง 2 ทศวรรษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ส.ค.) โดยการเจรจารอบสองจะถูกจัดขึ้นที่เม็กซิโกในวันที่ 1-5 กันยายนนี้
ทั้งนี้ สมาชิกทั้ง 3 ประเทศได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการปรับปรุงเงื่อนไขของข้อตกลงการค้าที่ถูกประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2537
การเจรจาดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับประเด็นต่างๆราว 30 หัวข้อ ซึ่งรวมถึงประเด็นในเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าและค่าแรง ซึ่งสหรัฐต้องการให้มีการแก้ไข ในขณะที่แคนาดาและเม็กซิโกต้องการรักษาข้อกำหนดเดิมเอาไว้
โดยคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กล่าวว่า มาตรา 19 ในข้อตกลงดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพในการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านการให้เงินอุดหนุน
อย่างไรก็ดี ในการเจรจารอบแรกนี้ ทั้งสหรัฐและแคนาดาก็ได้หยิบยกประเด็นเรื่องค่าแรงของเม็กซิโกที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ประเทศขึ้นมาพูดคุย เพราะเห็นว่าทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากเป็นการยั่วยวนให้บริษัทต่างๆ ย้ายเข้าไปทำธุรกิจในเม็กซิโก และยังเป็นการแย่งงานจากประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวขณะแถลงเปิดการเจรจารอบแรกว่า "ชาวอเมริกันอย่างน้อย 700,000 คนต้องสูญเสียงานไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสการค้าซึ่งเป็นผลจากข้อตกลง NAFTA" นอกจากนี้เขายังได้เรียกร้องให้มีการกำหนดบทบัญญัติทั้งในเรื่องแรงงานและแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์