การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ BRICS ครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นที่เมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน ในวันที่ 3-5 กันยายนนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การประชุมดังกล่าวจะได้มีการประเมินถึงความสำเร็จและวางแผนแนวทางที่จะเดินต่อไปในอนาคต
การประชุมครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกถึงแนวทางที่บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กำหนดหนทางในอนาคตของกลุ่ม ท่ามกลางความท้าทายและความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้นจากภาวะชะงักงันของเศรษฐกิจโลก ความรู้สึกในการต่อต้านโลกาภิวัฒน์ในกลุ่มประเทศตะวันตกมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนความสำเร็จและนำมาซึ่งผลประโยชน์
อลิซาเบธ ไซดีโรพูลอส ซีอีโอของสถาบัน South Institute of International Relations (SAIIA) และนักวิชาการชาวแอฟริกาใต้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อวานนี้ที่กรุงโจฮันเนสเบิร์กว่า การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS จะพยายามพัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่กลุ่ม BRICS ได้จัดตั้งสถาบันต่างๆขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นนิว เดเวลล็อปเมนท์ แบงก์ (NDB) สถาบันด้านวิชาการ สภาธุรกิจ สถาบันด้านแรงงาน และสถาบันด้านสังคมพลเรือน
อลิซาเบธ กล่าวว่า กลุ่ม BRICS มีความก้าวหน้าอย่างมากในเรื่องการจัดตั้งสถาบันต่างๆขึ้นมา โดยกลุ่ม BRICS ได้พัฒนาความร่วมมือด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนชุมชนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน การประชุมสุดยอดที่เซียะเหมินจึงเป็นเวทีที่จะใช้วัดว่า กลุ่ม BRICS ได้เดินทางมาไกลและมีความต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด
ซีริล พรินซ์ลู นักวิจัยโครงการเศรษฐกิจการทูตของ SAIIA กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์กลางแห่งภูมิภาคแอฟริกาของนิว เดเวลล็อปเมนท์ แบงก์ ตามที่แอฟริกาใต้ได้ร้องขอขึ้นมานั้น ก่อให้เกิดผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับกลุ่ม BRICS ในขณะที่กลุ่มเงินทุนดั้งเดิมอย่างสถาบัน เบรตทัน วู้ดส์ ก็ใช้เวลา 2 ปีในการอนุมัติเงินกู้ ขณะที่ นิว เดเวลล็อปเมนท์ แบงก์ ใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และยังปล่อยเงินกู้ในสกุลเงินท้องถิ่นอีกด้วย
นับเป็นเรื่องที่คุ้มค่าทีเดียวสำหรับการจัดตั้ง BRICS New Development Bank ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาให้กับประเทศสมาชิกของกลุ่มทั้ง 5 ประเทศ แต่ยังช่วยอัดฉีดพลังเข้าไปยังบทบาทผู้นำในภาคความร่วมมือระหว่างพื้นที่ทางใต้ด้วยกันเอง
พรินซ์ลู ชี้ว่า NDB จะช่วยในเรื่องของการเตรียมพร้อมของโครงการต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกาเผชิญอยู่
เสริมความแข็งแกร่งธรรมาภิบาลระดับโลก
การประชุมสุดยอดครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าผลักดันนโยบาย "America first" ซึ่งมุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ รวมทั้งการเรียกร้องให้มีการเจรจาต่อรองอีกครั้งในประเด็นสนธิสัญญาและการเปลี่ยนแปลงในบางเรื่อง
ในขณะที่ทรัมป์ขู่ว่า จะขับไล่และสั่งห้ามประชาชนจากบางประเทศเข้ามาในดินแดนของสหรัฐนั้น ซีอีโอของสถาบันฯ กล่าวว่า การประชุมสุดยอดที่เซียะเหมินน่าจะช่วยตอบคำถามในประเด็นต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อโลก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธรรมาภิบาลของโลก
ซีอีโอของสถาบันฯ กล่าวด้วยว่า เราหวังว่า ที่ประชุมจะได้หารือกัน ตลอดจนได้ข้อสรุปพร้อมกับแถลงการณ์ที่หนักแน่นในเรื่องของการค้าและนโยบายกีดกันการค้า ในขณะที่จีนซึ่งเป็นประธานการประชุมต้องการเชื่อมโยงประเด็นที่ได้มีการหารือในการประชุม G20 เข้ากับ BRICS และผลักดันประเด็นเหล่านี้ให้คืบหน้าต่อไป ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เป็นบวกและสร้างสรร
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ ยังคาดการณ์ด้วยว่า กลุ่ม BRICS จะได้หารือเรื่องธรรมาภิบาลของโลก และการปฏิรูปของสถาบันต่างๆที่เป็นสถาบันระดับโลก นอกจากนี้ กลุ่ม BRICS ยังจะได้มีโอกาสอีกมากในการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และสถาบันของเบรทตัน วู้ดส์
เดินหน้าสู่อนาคตใหม่
การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS เป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่า จะเป็นเวทีที่นำทางไปยังช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาซึ่งกลไก และคาดว่า BRICS จะมีบทบาทมากขึ้นในการยกระดับและผลักดันทั่วโลกสู่อนาคต
ซีอีโอของสถาบัน ยังกล่าวด้วยว่า จีนได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของการประชุมด้วยการเชื้อเชิญประเทศกำลังพัฒนา เช่น อียิปต์ เคนยา ทาจิกิสถาน เม็กซิโก และไทย เข้าร่วมเป็นแขกในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ด้วยเช่นกั
ประธานของกลุ่ม BRICS ยังได้เชิญประเทศต่างๆในภูมิภาคให้เข้าร่วมพบปะกับผู้นำของกลุ่ม BRICS เพื่อหารือร่วมกัน โดยได้มีการผลักดันเพื่อสร้างพันธมิตรของกลุ่ม BRICS กับประเทศกำลังพัฒนารายอื่นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้การค้าระดับทวิภาคีและพหุภาคีนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การยกระดับความร่วมมือของกลุ่ม BRICS ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องและขยายผลประโยชน์ของกลุ่มประเทศ BRICS เท่านั้น แต่ยังช่วยหาทางพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในรูปแบบใหม่ในอนาคตด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้กล่าวไว้ในระหว่างการพบปะกับเหล่าผู้แทนระดับอาวุโสที่เข้าร่วมหารือเรื่องความมั่นคงในกลุ่ม BRICS เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาว่า ตราบใดที่เรายังคงเดินตามจิตวิญญาณแห่งการเปิดกว้าง ความครอบคลุม ความร่วมมือ และผลประโยชน์ซึ่งกันและกันของกลุ่ม BRICS แล้ว การร่วมงานกันเพื่อสร้างพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นของกลุ่ม BRICS จะช่วยให้ความร่วมมือของกลุ่มในช่วงเวลาทองตลอด 10 ปีของเราเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2