นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การปรับลดยอดขาดดุลการค้าเป็นนโยบายการค้าที่รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับเป็นครั้งแรกที่นายไลท์ไทเซอร์ได้กล่าวสุนทรพจน์สำคัญต่อสาธารณะ นับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งผู้แทนการค้าสหรัฐ ประจำศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (CSIS)
นายไลท์ไทเซอร์ กล่าวว่า "ผมเห็นด้วยว่าอัตราภาษี กฎระเบียบ และปัจจัยอื่นๆในด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค มีส่วนสำคัญต่อตัวเลขขาดดุล ซึ่งขณะนี้ท่านประธานาธิบดีกำลังจัดการกับเรื่องเหล่านี้ แต่ผมคิดว่ากฎระเบียบด้านการค้าก็มีความสำคัญ ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดผลลัพธ์"
เขากล่าวเสริมว่า "ยกตัวอย่างง่ายๆ คงไม่มีใครโต้แย้งว่าการที่เราเก็บภาษียานยนต์ 2.5% นั้นมีความแตกต่างไม่มากนัก เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วชาติอื่นๆที่เก็บ 10% ใช่ไหมครับ"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายไลท์ไทเซอร์เคยทำงานเป็นทนายการค้าเป็นเวลากว่าหลายทศวรรษ โดยเคยว่าความให้ลูกค้าหลายราย รวมถึงบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งรองผู้แทนการค้าสหรัฐในสมัยปธน.โรนัลด์ เรแกน ในยุคคริสต์ทศวรรษ 1980 ด้วย จนถูกตั้งฉายาว่าเป็นผู้เจรจาหัวแข็ง
ในส่วนของการเจรจาแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) รอบแรกที่มีขึ้นเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมานั้น นายไลท์ไทเซอร์ระบุว่า การปรับลดตัวเลขขาดดุลการค้าที่สหรัฐมีกับเม็กซิโกและแคนาดานั้น ก็เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญยิ่งเช่นกัน