นายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะทำการตอบโต้ ซึ่งรวมถึงการยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถึงแม้ว่าเครื่องบินเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในน่านฟ้าของเกาหลีเหนือ
ขณะที่ทำเนียบขาวแถลงในเวลาต่อมาว่า สหรัฐไม่ได้ประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือแต่อย่างใด
-- สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของหน่วยข่าวกรองในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือนำเครื่องบินรบขึ้นบิน พร้อมกับยกระดับการป้องกันประเทศในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออก ภายหลังจากที่สหรัฐได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer ออกปฏิบัติการลาดตระเวนเหนือน่านน้ำสากลในบริเวณคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากที่นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวโจมตีเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือก็มีสิทธิที่จะทำการตอบโต้
-- การผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาอาจประสบความล้มเหลวอีกครั้ง หลังจากที่วุฒิสมาชิก ซูซาน คอลลินส์ ได้ออกมาประกาศจุดยืนว่าจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งถือเป็นวุฒิสมาชิกจากรีพับลิกันคนที่ 3 ที่แสดงความไม่เห็นด้วย ส่งผลให้ทางพรรคอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อนำไปบังคับใช้แทนที่กฎหมาย "โอบามาแคร์" ของรัฐบาลชุดก่อน
-- ชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของอิรักได้เสร็จสิ้นการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระแล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางแรงกดดันจากอิรัก อิหร่าน และตุรกี ที่ต้องการให้ยกเลิกการทำประชามติดังกล่าว
คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) ระบุว่า ผลการนับคะแนนจากการลงประชามติในครั้งนี้ จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายใน 2-3 วันนี้
--นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ขู่ว่าจะปิดท่อน้ำมันที่ส่งน้ำมันจากอิรักออกสู่ตลาดโลก หากชาวเคิร์ดเดินหน้าทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระ โดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 59.02 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้
--นายบิล ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจัยที่กดดันอัตราเงินเฟ้อกำลังลดน้อยลง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง
นายดัดลีย์คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ขณะที่ค่าจ้างมีการปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในต่างประเทศ
ขณะที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆที่เชื่อว่า เฟดควรจะค่อยๆปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึงระดับ 2.7% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า จากระดับปัจจุบันที่ 1.00-1.25%
--นักลงทุนจับตาการแถลงสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดในวันนี้ โดยนางเจเน็ต เยเลน ประธานเฟดจะกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐโอไฮโอ ในเวลา 11.50 น. โซนเวลาตะวันออก (หรือประมาณ 22.50 น. ตามเวลาไทย) ขณะที่นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก้ และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ด้วยเช่นกัน
-- ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนก.ย. ในวันนี้
--สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) จะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนก.ย.ในวันนี้
ก่อนหน้านี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของฝรั่งเศสเบื้องต้นเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 57.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 76 เดือน ซึ่งดัชนีที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของฝรั่งเศสยังคงมีการขยายตัว
--ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.โดย S&P/Case-Shiller, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API)