ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจของจีน หรือ China Beige Book ซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นของภาคธุรกิจจีนโดยหน่วยงานเอกชน ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจีนยังคงซบเซา เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาภาวะเหล็กล้นตลาด และปัญหาการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของจีน
ผลสำรวจระบุว่า แม้กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนมีการขยายตัว แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจจีนยังไม่สดใส เนื่องจากยอดการกู้ยืมของบริษัทในประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่มีการปรับลดปริมาณการผลิตเหล็กกล้าและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ส่งผลให้เศรษฐกิจยังไม่มีความสมดุลระหว่างภาคบริการและภาคการผลิต
ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวที่รวบรวมความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจจากบริษัทเอกชนกว่า 3,000 แห่ง ซึ่งบ่งชี้ว่า ผลสำรวจนั้นขัดแย้งกับคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.7% ในปีนี้ และ 6.4% ในปีหน้า ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับการคาดการณ์เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ADB เตือนว่า การที่จีนยังคงเดินหน้าคุมเข้มด้านกฎระเบียบนั้น อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะสภาพคล่องตึงตัว และสร้างแรงกดดันต่อสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่างๆที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจจีนนั้น ยังรวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้นโยบายกีดกันการค้าทั่วโลก และการไหลออกของเม็ดเงินทุนมูลค่ามหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทางด้าน S&P Global Ratings ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนลง 1 ขั้น จาก "AA-" สู่ "A+" โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้นของจีน