นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่คณะกรรมการกำกับดูแลเสถียรภาพทางการเงินของสหรัฐ (FSOC) ได้ตัดสินใจถอดชื่อบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ของสหรัฐ ออกจากบัญชีรายชื่อบริษัทที่ต้องถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวดนั้น เป็นเพราะบริษัท AIG ได้ปรับลดขนาดสินทรัพย์ลงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ AIG มีความเสี่ยงที่น้อยลงต่อระบบการเงินของสหรัฐ
ทั้งนี้ คณะกรรมการ FSOC ได้พิจารณาเห็นว่า บริษัท AIG ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐรวมทั้งสิ้น 1.82 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงที่เผชิญกับวิกฤตการเงินระหว่างปี 2007-2009 นั้น ไม่ใช่ความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อระบบการเงินของสหรัฐอีกต่อไป
นางเยลเลน ระบุในแถลงการณ์ว่า "นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินขึ้นทั่วโลก AIG ได้ตัดขายธุรกิจและลดขนาดสินทรัพย์ในตลาดทุน จนกลายเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็กลง และมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินของสหรัฐในระดับที่ไม่มาก"
นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารและบริษัทประกันภัยรายใหญ่ทุกแห่งจำเป็นต้องปรับลดขนาดสินทรัพย์ลงอย่างมีนัยสำคัญ หากธนาคารและบริษัทประกันภัยเหล่านั้นไม่ต้องการถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวดในฐานะของสถาบันการเงินที่มีความเสี่ยงในเชิงระบบ
นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า ทาง FSOC ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้ากำกับดูแลบริษัทการเงินนอกภาคธนาคารต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ตามกฎหมายของสหรัฐนั้น ธนาคารทุกแห่งที่มีสินทรัพย์มากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกกำหนดให้เป็น "สถาบันการเงินที่มีความสำคัญในเชิงระบบ" หรือ "SIFI" และการที่จะถอดชื่อบริษัทออกจากกลุ่ม SIFI ได้นั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรรมการ FSOC ด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการ FSOC เคยถอดชื่อบริษัทออกจากกลุ่ม SIFI มาแล้วครั้งหนึ่ง คือบริษัทจีอี แคปปิตอล ในปี 2016