คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของจีน (CBRC) สั่งปรับสถาบันการเงินภายในประเทศ 1,171 แห่งในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นวงเงินทั้งสิ้น 552 ล้านหยวน (ประมาณ 83.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในข้อหาละเลยการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการเงิน
นอกจากนี้ CBRC ยังได้สั่งปรับเป็นรายบุคคลรวม 899 คน คิดเป็นวงเงินรวม 18.5 ล้านหยวน ในช่วงเวลาดังกล่าว
นายเสี่ยว หยวนกี เจ้าหน้าที่ CBRC เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบในตลาดแล้ว CBRC ยังเพิ่มความพยายามในการผลักดันกลไกระยะยาวเพื่อปฏิรูปภาคการธนาคาร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อุตสาหกรรมการเงินของจีนมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ทางการจีนพยายามควบคุมการทำธุรกรรมที่ไม่เหมาะสมในภาคการเงิน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ทางการจีนได้เน้นย้ำว่า ภาคการเงินภายในประเทศมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงในด้านต่างๆ เช่น สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้ ธนาคารเงา และธุรกรรมการเงินทางอินเทอร์เน็ต โดยปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวได้นำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายและติดสินบน
ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า สัดส่วนเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์จีน อยู่ที่ระดับ 1.86% ณ สิ้นเดือนส.ค. ขณะที่สินทรัพย์โดยรวมอยู่ที่ระดับ 239 ล้านล้านหยวน