กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค.ขยายตัวแตะ 2.38 ล้านล้านเยน (2.1 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศและยอดเกินดุลการค้าที่ปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นทำสถิติเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 38
รายงานของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ยอดเกินดุลในบัญชีเงินได้จากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ พุ่งขึ้น 13% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.24 ล้านล้านเยน
ยอดส่งออกทะยานขึ้น 16.3% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 6.17 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวขึ้น 15.1% แตะที่ระดับ 5.85 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ ยอดส่งออกรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ และส่วนประกอบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้น ส่วนการนำเข้าพลังงานปรับตัวสูงขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีทรัพยากรจำกัด จึงต้องพึ่งพาน้ำมันดิบและทรัพยากรอื่นๆที่นำเข้าจากต่างประเทศนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ซึ่งส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์เกือบทุกแห่งในประเทศต้องปิดการดำเนินการลง