สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ซอฟท์แบงค์ กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น กำลังพิจารณายกเลิกการเจรจาควบรวมกิจการระหว่างสปรินท์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของซอฟท์แบงค์ในสหรัฐ และบริษัทที-โมบาย ยูเอส อิงค์ เนื่องจากซอฟท์แบงค์มีความกังวลว่าจะไม่สามารถกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กรแห่งใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นผ่านทางการควบรวมกิจการระหว่างสองบริษัทได้อีกต่อไป
สื่อญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า ซอฟท์แบงค์จะตัดสินใจถอนตัวจากการเจรจากับดอยซ์ เทเลคอม เอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของที-โมบาย ยูเอส อิงค์ ในวันนี้ หลังจากที่บอร์ดบริหารของซอฟท์แบงค์ได้ประชุมหารือกันที่ญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และต่างก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียอำนาจควบคุมกิจการสปรินท์ คอร์ป ภายหลังจากที่ดอยซ์ เทเลคอม ได้เสนอเข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่ผ่านการควบรวมกิจการแล้ว
ทั้งนี้ ที-โมบาย ยูเอส อิงค์ ถือเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในสหรัฐ ซึ่งหากสามารถควบรวมกิจการกับสปรินท์ คอร์ป ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ในตลาดได้สำเร็จ ก็จะทำให้บริษัทสามารถจัดตั้งกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่ใหญ่ทัดเทียมกับเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น และเอทีแอนด์ที อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งและสองในสหรัฐตามลำดับ
หุ้นของสปรินท์ คอร์ปและที-โมบาย ยูเอส อิงค์ ร่วงลงอย่างหนัก หลังมีรายงานว่าการเจรจาควบรวมกิจการระหว่างสองบริษัทส่อเค้าล่ม โดยหุ้นสปรินท์ คอร์ป ร่วงลง 9.3% ขณะที่หุ้นที-โมบาย ดิ่งลง 5.4% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า บริษัทซอฟท์แบงค์ ซึ่งเข้าซื้อกิจการสปรินท์ในปี 2556 มีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจเครือข่ายมือถือของตนเองในสหรัฐ ขณะที่การเจรจาควบรวมกิจการระหว่างสปรินท์กับที-โมบายได้ประสบกับอุปสรรคตั้งแต่ต้น เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของสหรัฐมีความวิตกว่า การควบรวมกิจการระหว่างสองบริษัทจะทำให้ตลาดหลงเหลือผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเพียงไม่กี่ราย ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผูกขาดธุรกิจในอนาคต