สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย มีแผนที่จะปรับลดภาษีให้กับผู้มีรายได้ปานกลางในออสเตรเลีย
นายเทิร์นบูล กล่าวต่อสภาธุรกิจออสเตรเลียเมื่อวานนี้ว่า ในช่วงเวลาที่สถานะด้านการคลังเผชิญกับความท้าทายเช่นนี้ เขาและนายสก็อตต์ มอร์ริสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออสเตรเลีย กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนลดภาษีเงินได้ ซึ่งจะช่วแบ่งเบาภาระของผู้มีรายได้ปานกลางในออสเตรเลีย
สำหรับคำถามที่ว่าชาวออสเตรเลียจะได้รับผลประโยชน์จากแผนปรับลดภาษีเมื่อใดนั้น นายเทิร์นบูลเปิดเผยว่า เขาจะมุ่งความสนใจในประเด็นดังกล่าวก่อนนำเสนองบประมาณประจำปี 2561 ในเดือนพ.ค.
นายเทิร์นบูล กล่าวกับสื่อมวลชนในวันนี้ว่า "เรามีความมุ่งมั่นเพื่อทำให้มั่นใจว่า ชาวออสเตรเลียผู้ทำงานหนักนั้นจะมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น และสิ่งสำคัญในขณะนี้คือการปรับลดภาษีให้กับผู้มีรายได้ปานกลาง"
ระบบภาษีปัจจุบันกำหนดไว้ว่า ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปีจำเป็นต้องเสียภาษีสูงสุด 32.5% ส่วนผู้ที่อยู่ในขั้นถัดไป ได้แก่ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 135,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ต้องเสียภาษี 37%
นายเทิร์นบูลยังกล่าวด้วยว่า "อัตราภาษีส่วนเพิ่มของเราค่อนข้างสูง โดยเหตุการณ์ bracket creep ได้กลายเป็นปัญหาท้าทายต่อเนื่องที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข"
"การเรียกเก็บภาษีสูงนั้นเปรียบเสมือนการลงโทษประชาชนที่ต้องการก้าวหน้า เมื่อคุณให้สิ่งตอบแทนต่อการทำงานหนักและความกล้าเสี่ยง ก็เท่ากับว่าคุณสนับสนุนการทำงานหนักและความกล้าเสี่ยง เป็นเรื่องที่พื้นฐานมาก" นายเทิร์นบูลกล่าว
ด้านนายบิล ชอร์ทเทน หัวหน้าพรรคแรงงานออสเตรเลีย (ALP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้วิจารณ์ข้อเสนอของนายเทิร์นบูลว่าเป็นแผนลวง "เพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน"
เขากล่าวว่า "สิ่งที่นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล ทำก็คือ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนมีการทำผลสำรวจ Newspoll นายเทิร์นบูลก็เกิดไอเดียปิ๊งขึ้นในหัว แล้วเขาก็พูดว่า 'แผนปรับลดภาษีเงินได้ ความคิดเข้าท่าเลย' ทว่าเขาไม่มีการลงรายละเอียดแต่อย่างใด"
นอกจากนี้ นายเทิร์นบูลยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะเดินหน้าแผนปรับลดภาษีสำหรับธุรกิจทุกประเภทในออสเตรเลีย