นายไป๋ โชเกิง ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยชิงหวา และสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยในการประชุมว่า จีนควรกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับกลางในปีหน้า เพื่อเปิดพื้นที่สำหรับการปฏิรูปด้านโครงสร้างมากขึ้น
“เศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเชิงบวกในปีนี้ มีธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงเกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งผลกำไรของบริษัทขนาดใหญ่ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน" เขากล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่สูงขึ้นในปีนี้ แต่นายไป๋ระบุว่า การกำหนดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ต่ำลงมาอีกเล็กน้อยนั้น จะช่วยลดการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงความเสี่ยงจากการขยายตัวของหนี้สิน
"โดยส่วนตัวแล้ว ผมสนับสนุนการกำหนดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ต่ำลงมาอีกเล็กน้อย รวมถึงพุ่งเป้าไปที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลาง เพื่อที่เราจะได้มีพื้นที่ให้กับการปฏิรูปด้านโครงสร้างมากขึ้น" นายไป๋กล่าวระหว่างการอภิปรายในการประชุมประจำปีของนิตยสารไฉจิง (Caijing) สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำของจีน
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนมุ่งเป้าการเติบโตของ GDP ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 6.5% สำหรับเป้าหมายในปีหน้านั้นคาดว่า จะเปิดเผยระหว่างการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติประจำปีในเดือนมี.ค. 2561
"เพื่อบรรลุเป้าหมาย GDP ที่เติบโต 2 เท่าอย่างเป็นทางการระหว่างปี 2553 - 2563 นั้น จีนต้องการเพียงแค่อัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 6.3% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า" นายไป๋ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการลงทุนที่มีประสิทธิภาพต่ำ รวมถึงอัตราส่วนหนี้สินที่เพิ่มขึ้นในการจัดหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่น ตลอดจนเน้นย้ำว่า การดำเนินการตามเป้าหมายการเติบโตที่สูงขึ้นอาจทำให้อุตสาหกรรมต้นน้ำขยายตัวจนนำไปสู่การเพิ่มกำลังการผลิตที่เกินความจำเป็น
“ในขณะที่อุปสงค์ด้านการบริโภคยังคงชะลอตัว ควรมีมาตรการเพิ่มรายได้หลังหักภาษี รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน" เขาทิ้งท้าย