World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2560

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 15, 2017 08:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ และลดลงสู่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้าจนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า

อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่า ธนาคารอาจจะขยายเวลาโครงการซื้อพันธบัตรเกินกว่าเดือนก.ย.ปีหน้า หากมีความจำเป็น และอาจมีการขยายวงเงิน QE หากแนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลง โดยธนาคารจะใช้มาตรการ QE จนกว่าภาวะเงินเฟ้อมีทิศทางดำเนินไปอย่างยั่งยืน

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

-- เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และอัตราดอกเบี้ย reverse repo ขึ้น 0.05% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในคืนก่อนหน้านั้น

ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ประเภท 7 วัน สู่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.45% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย reverse repo ประเภท 28 วัน สู่ระดับ 2.8% จากระดับ 2.75%

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MLF ประเภท 1 ปี สู่ระดับ 3.25% จากระดับ 3.20%

-- ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐเริ่มปรากฏให้เห็นอุปสรรค หลังจากวุฒิสมาชิก 2 รายจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้

นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากนายมาร์โค รูบิโอ และนายไมค์ ลี สองวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า พวกเขาจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้ หากไม่มีการเพิ่มวงเงินในการลดหย่อนภาษีเพื่อการสังเคราะห์บุตร โดยที่ผ่านมานั้น นายรูบิโอและนายลีได้พยายามผลักดันให้ครอบครัวชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อย สามารถรับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีให้มากที่สุด

ความเคลื่อนไหวของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันทั้ง 2 รายนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่สมาชิกสภาคองเกรสกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ก่อนที่จะส่งต่อให้กับปธน.ทรัมป์เพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาสนี้

-- นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB ได้ทำการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนสู่ระดับ 2.4% ในปีนี้ และ 2.3% ในปีหน้า ส่วนการขยายตัวในปี 2562 และ 2563 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.9% และ 1.7%

นายดรากียังกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ ECB ได้รับ สร้างความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวไปสู่ตัวเลขเป้าหมายของ ECB ซึ่งอยู่ต่ำกว่า 2% เพียงเล็กน้อยในระยะกลาง

ขณะเดียวกัน ECB ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซน สู่ระดับ 1.4% ในปีหน้า และคาดว่าจะแตะระดับ 1.5% และ 1.7% ในปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงราคาน้ำมัน และอาหารที่ดีดตัวขึ้น

-- บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทจะซื้อธุรกิจส่วนใหญ่ในบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในข้อตกลงวงเงินมากกว่า 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในรูปหุ้น

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ดิสนีย์จะได้ครอบครอง เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค, สตาร์ทีวี, สตูดิโอภาพยนตร์ของฟ็อกซ์, หุ้นในสกาย รวมทั้งเครือข่ายกีฬาในภูมิภาค

การที่ดิสนีย์ซื้อธุรกิจบันเทิงของฟ็อกซ์จะช่วยสนับสนุนแผนการของดิสนีย์ในการเป็นผู้ให้บริการแพลทฟอร์มระบบ streaming และจะเป็นคู่แข่งสำคัญของ Netflix

-- บริษัทเทวา ฟาร์มาซูติคอล อินดัสตรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาสามัญรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอิสราเอล ประกาศแผนปรับโครงสร้างบริษัทเป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับปลดพนักงานจำนวน 14,000 คนทั่วโลก หรือมากกว่า 25% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด และระงับการจ่ายเงินปันผล เพื่อลดค่าใช้จ่าย 3 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2562 ขณะที่บริษัทมีหนี้สูงถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์

-- ริพเพิล ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้น 37.5% แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ที่ 51.37 เซนต์ ส่งผลให้ริพเพิลมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.823 หมื่นล้านดอลลาร์ แซงหน้าไลท์คอยน์ และกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก

ริพเพิลทะยานขึ้นมากกว่า 7,000% จากต้นปีนี้ ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่าเพียง 0.65 เซนต์

สกุลเงินดิจิทัลมีมากกว่า 1,000 สกุลทั่วโลก และขณะนี้ต่างก็ดีดตัวขึ้น โดยได้อานิสงส์จากการที่คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐ มีมติอนุมัติให้เปิดการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในตลาด CBOE Global Markets Inc และ Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวลง 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

ขณะเดียวกัน ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 53.0 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 54.5 ในเดือนพ.ย.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยแล้วเช้านี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 4/2560 ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น อยู่ที่ระดับ +25 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2560 ซึ่งอยู่ที่ระดับ +22

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาส 4/2560 อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าจะอยู่ที่ +24

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยเวลา 20.30 น. และ 21.15 น. ของวันนี้ตามเวลาไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ