เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ พรรครีพับลิกันได้เปิดเผยรายละเอียดขั้นสุดท้ายของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งมาจากการรวมเนื้อหาของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีที่ผ่านการอนุมัติของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้ โดยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีดังกล่าวระบุว่า ให้คงจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีไว้ที่ 7 ขั้น ขณะเดียวกันจะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า แทนที่จะชะลอออกไปอีก 1 ปีตามร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภา
นอกจากนี้ เนื้อหาของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้ยังระบุว่า จะเพิ่มเงินลดหย่อนภาษีเพื่อสงเคราะห์บุตรเป็นสองเท่า สู่ระดับ 2,000 ดอลลาร์สำหรับบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี และเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีสำหรับเด็ก สู่ระดับ 1,400 ดอลลาร์ จากระดับ 1,100 ดอลลาร์
นายออร์ริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการภาษีประจำวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะลงมติในวันที่ 18 ธ.ค.ต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายฉบับดังกล่าว และจากนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติในวันที่ 19 ธ.ค.
-- นายจอห์น คอร์นิน และนายเควิน แบรดี้ สองแกนนำของพรรครีพับลิกัน ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังจากพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยรายละเอียดขั้นสุดท้ายของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ
-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศแสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวเกี่ยวกับการเดินหน้ากระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยเธอระบุว่า รัฐบาลอังกฤษจะยังคงเดินหน้าทำตามหน้าที่พื้นฐานของตนต่อไป ในการตอบรับกับความประสงค์ของชาวอังกฤษที่ได้ลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
นางเมย์ได้มีถ้อยแถลงลงบทความในหนังสือพิมพ์เทเลกราฟฉบับวันอาทิตย์ว่า "แม้มีสิ่งรบกวนจากทุกสารทิศ แต่เรายังคงทำหน้าที่ต่อไป และสำหรับผู้ที่ต้องการให้อังกฤษยอมจำนน ต้องขอบอกว่าขณะนี้เรากำลังบรรลุข้อตกลง Brexit ที่ดีและยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับทั่วทั้งสหราชอาณาจักร"
-- นักลงทุนจับตาสหรัฐและอังกฤษเตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2560 โดยสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ไตรมาส 3/2560 ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่อังกฤษเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันศุกร์นี้
สำหรับการประมาณการครั้งที่ 2 ของตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า GDP ขยายตัวที่ระดับ 3.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.0%
ส่วนการประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ไตรมาส 3 ของอังกฤษนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า GDP ขยายตัว 0.4% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการครั้งที่ 1
-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 16.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 โดยได้ปัจัยหนุนจากอุปสงค์สินค้าญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.2%
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ย.ทั้งสิ้น 1.134 แสนล้านเยน
-- จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ
สำหรับการประชุมครั้งหลังสุดซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุม BOJ มีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้คงนโยบายผ่อนคลายทางการเชิงรุก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2560 ขึ้นสู่ระดับ 1.9% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค.ที่ระดับ 1.8% พร้อมกับคงการประเมินภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของญี่ปุ่น โดยระบุว่า เศรษฐกิจภายในประเทศ "ขยายตัวปานกลาง"
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม BOJ ในเดือนต.ค. ได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2560 ลงสู่ระดับ 0.8% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.1% เนื่องจากการขยายตัวของค่าจ้างและการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนยังคงซบเซา แม้เศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
-- ธนาคารกลางออสเตรเลียมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้
ส่วนในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากค่าจ้างยังคงมีความซบเซา ขณะที่เงินเฟ้อก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารกลาง นอกจากนี้หนี้สินยังอยู่ในระดับสูงด้วย
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศต่างๆซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ จีนจะเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ย., ยูโรสแตทจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของอียู และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเบื้องต้นเดือนธ.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., สถาบัน Ifo จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.