ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐประสบความสำเร็จในการผลักดันกฎหมายฉบับสำคัญในรัฐสภาเป็นครั้งแรก หลังสภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า นโยบายปรับลดภาษีขนานใหญ่ของทรัมป์จะไม่ช่วยเกื้อหนุนพรรครีพับลิกันในระยะยาว
แดร์เรลล์ เวสต์ นักวิเคราะห์จากสถาบันบรูคกิงส์ ได้ให้ทัศนะกับสำนักข่าวซินหัวว่า "โดยรวมแล้ว ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้จะไม่ส่งผลดีต่อคณะทำงานของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากไม่ใช่กฎหมายที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ นอกจากนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวยังไม่ช่วยดึงคะแนนเสียงให้กับรีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะจัดขึ้นในปีหน้าอีกด้วย"
ทั้ง นี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้าย ด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201 เสียง โดยหลังจากนี้จะมีการนำร่างกฎหมายส่งต่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามรับรองเป็นกฎหมาย และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า อย่างไรก็ตาม มีกระแสความกังวลเกิดขึ้นตามมาว่า การปฏิรูปโครงสร้างทางภาษีจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ และปัญหาหนี้สาธารณะพอกพูน
แต่กระนั้น ทำเนียบขาวยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยกระตุ้นการลงทุน เนื่องจากมีการเรียกเก็บภาษีบริษัทต่างๆในอัตราที่ลดลงมาก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานเมื่อบริษัทเติบโตและต้องการพนักงานเพิ่ม
อย่างไรก็ดี นายเวสต์ กล่าวว่า "โพลล์สำรวจความคิดเห็นล่าสุดบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสำคัญในกฎหมายฉบับนี้ นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่เชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ"
"ร่างกฎหมายฉบับใหม่เอื้อประโยชน์ต่อคนรวยมากกว่าชนชั้นกลาง อีกทั้งยังเพิ่มหนี้สาธารณะให้กับประเทศอีกอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์ และจะไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก" เวสต์กล่าวเสริม
ขณะที่นายเกรกอรี อาร์ แวลลิเยร์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท Horizon Investments กล่าวว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ย.ปีหน้า ด้วยอัตราว่างงานที่ระดับต่ำกว่า 4% และ GDP ขยายตัวที่ราวๆ 3% ก็อาจช่วยให้รีพับลิกันมีคะแนนนิยมดีขึ้นก่อนสู้ศึกเลือกตั้งกลางเทอม
แต่นายแวลลิเยร์ เตือนว่า พรรครีพับลิกันอาจเผชิญกับความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากทางพรรคอาจสูญเสียเก้าอี้ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมาก รวมถึงอาจสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยปัจจุบันวุฒิสมาชิกรีพับลิกันครองที่นั่งมากกว่าเดโมแครตในสัดส่วน 51-49 ที่นั่ง
ด้านอลัน เวียร์ด นักวิชาการจากสถาบัน American Enterprise Institute กล่าวว่า เวลานี้ตอบได้ยากว่า การผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีจนมีผลบังคับใช้ได้สำเร็จจะมอบประโยชน์ต่อพรรครีพับลิกันในระยะยาวหรือไม่
"โพลล์ล่าสุดบ่งชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่นิยมชมชอบร่างกฎหมายฉบับนี้ และเดโมแครตก็เตรียมจะหยิบยกมาเป็นประเด็นหาเสียงเพื่อชิงเก้าอี้ในรัฐสภาจากสมาชิกรีพับลิกันที่โหวตสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว" เขากล่าวเสริม
"อย่างไรก็ตาม รีพับลิกันเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วกฎหมายฉบับนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เริ่มบังคับใช้แล้ว นอกจากนี้ รีพับลิกันก็เตรียมจะหาเสียงโดยกล่าวโจมตีสมาชิกเดโมแครตที่โหวตคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วย" เวียร์ด กล่าวทิ้งท้าย
บทวิเคราะห์โดยแมทธิว รัสลิง
สำนักข่าวซินหัวรายงาน