ทางการแคนาดาเชื่อว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ในเร็วๆนี้ หลังผลการเจรจาที่ผ่านมานั้นไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ข้อตกลง NAFTA เป็นข้อตกลงการค้าเสรีระหว่าง 3 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา โดยตัวแทนจากทั้ง 3 ประเทศนี้มีกำหนดการเปิดการเจรจารอบที่ 6 วันที่ 23-28 ม.ค.นี้ ซึ่งตลาดกำลังจับตาเพื่อประเมินท่าทีของสหรัฐต่อไป หลังปธน.ทรัมป์ได้ขู่ที่จะนำสหรัฐออกจากข้อตกลงดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง หากบรรลุข้อตกลงร่วมกันไม่ได้
-- บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนซึ่งมีหน้าที่พิจารณาการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ได้เสนอให้รัฐบาลจีนชะลอ หรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
แหล่งข่าวระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีความน่าดึงดูดลดน้อยลง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ นอกจากนี้ ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้จีนลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐ
ทั้งนี้ จีนนับเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงที่สุดในโลก
-- พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้น ท่ามกลางความวิตกที่ว่า จีนอาจยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อคืนนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 2.597% หลังจากดีดตัวทะลุ 2.50% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.944%
-- นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เขาไม่สามารถออกความเห็น หลังมีข่าวว่า จีนอาจยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้ใช้แนวทางต่างๆในการปรับสมดุลของพอร์ทพันธบัตรระหว่างประเทศ" เขากล่าว และเสริมว่า เขายังไม่ได้เห็นรายงานข่าวดังกล่าว
-- จีนออกมาตรการคุมเข้มทางการเงินในช่วงเริ่มต้นปีใหม่หลายมาตรการ เพื่อลดความเสี่ยงในระบบการเงิน โดยหนึ่งในนั้นคือการออกกฎให้ธนาคารจำกัดการปล่อยกู้ให้กับผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือน้อย
รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (CBRC) ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์วางมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากธุรกิจสินเชื่อ โดยธนาคารต่างๆจะต้องจำกัดความเสี่ยงด้านเครดิตจากลูกค้าแต่ละราย
ส่วนในธุรกิจประกันภัยนั้น ทางคณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของจีน (CIRC) ได้ออกกฎป้องกันไม่ให้บริษัทประกันภัยนำเงินไปลงทุนในหุ้น เพื่อควบคุมปัญหานี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, CBRC และ CIRC เตรียมเข้าไปกำกับดูแลการซื้อขายพันธบัตรเพื่อให้เกิดสภาพคล่องด้วย
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 0.7% หลังจากที่ร่วงลง 0.4% ในเดือนต.ค.
หากไม่นับรวมหมวดรถยนต์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพื้นฐาน ซึ่งใช้ในการคำนวณตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย.
-- สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษในไตรมาส 4/2560 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2560 ที่ขยายตัว 0.4%
ทั้งนี้ การขยายตัวดีขึ้นของ GDP ในไตรมาส 4/2560 ส่งผลให้ NIESR เชื่อมั่นว่า GDP ตลอดปี 2560 ของอังกฤษจะขยายตัวราว 1.8%
-- -นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมควรได้รับการยกย่องที่ได้ช่วยให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้สามารถจัดการเจรจาขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
"ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดีทรัมป์สมควรได้รับการยกย่องที่ทำให้การเจรจานี้เกิดขึ้น ซึ่งผมขอแสดงความขอบคุณมา ณ ที่นี้ โดยสิ่งนี้เป็นผลมาจากการที่สหรัฐเป็นผู้นำในการใช้มาตรการคว่ำบาตร และกดดันเกาหลีเหนือ" นายมูนกล่าว
คำกล่าวของนายมูนมีขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อาจจัดการเจรจาโดยตรงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และปธน.ทรัมป์ยังอ้างว่าเขาควรได้รับการยกย่องจากการเจรจาที่อาจเกิดขึ้น
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของฝรั่งเศส, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ตลอดปี 2560 ของเยอรมนี, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของสหภาพยุโรป (อียู), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ
สำหรับในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. ขณะที่จีนจะเปิดเผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนธ.ค.,ยอดนำเข้า, ส่งออก และดุลการค้าเดือนธ.ค., ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนธ.ค. และยอดขายรถยนต์เดือนธ.ค ด้านสหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.