ทางการจีนได้ออกมาแสดงการคัดค้านและวิตกกังวลต่อการใช้นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐ หลังจากที่โครงการของ 2 บริษัทจีนในสหรัฐต้องถูกระงับลง จากข้ออ้างในเรื่องความปลอดภัย
นายเกา เฟิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า "เมื่อเร็วๆนี้ เราสังเกตได้ว่าการกีดกันทางการค้ากำลังแพร่กระจายเป็นวงกว้างในสหรัฐอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"
นายเกาหล่าวว่า จีนต่อต้านการกีดกันทางการค้าในทุกรูปแบบ และหวังว่าสหรัฐกับจีนจะพบกันครึ่งทาง เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและมีเสถียรภาพของทั้ง 2 ประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐมนตรีพาณิชย์จีนออกมาแสดงท่าทีดังกล่าวเพื่อตอบโต้ หลังจากมีรายงานว่าบริษัทหัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของจีน ต้องประสบกับความล้มเหลวในการเจรจาธุรกิจในสหรัฐ นอกจากนี้ ทางการสหรัฐยังคว่ำดีลของบริษัทอาลีบาบาที่ต้องการเข้าซื้อกิจการบริษัทมันนี่แกรมของสหรัฐ โดยอ้างว่ากังวลถึงกระทบด้านความมั่นคงของประเทศเช่นกัน
ทั้งนี้ มันนี่แกรม อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ บริษัทผู้ให้บริการด้านการโอนเงินของสหรัฐ และเป็นผู้ให้บริการด้านการโอนเงินรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แถลงในวันนี้ว่า คณะกรรมาธิการตรวจสอบการลงทุนจากต่างประเทศของสหรัฐ (CFIUS) มีมติคัดค้านข้อเสนอวงเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ของบริษัทแอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป ในการเข้าซื้อกิจการของมันนี่แกรม ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ โดยแอนท์ ไฟแนนเชียล เป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ซึ่งมีนายแจ็ค หม่า เป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีพาณิชย์จีนกล่าวว่า "เรารู้สึกไม่สบายใจต่อกรณีของแอนท์ ไฟแนนเชียล และเสียใจที่การลงทุนทางธุรกิจแบบธรรมดาๆ และการควบรวมกิจการของบริษัทจีนในสหรัฐนั้น ต้องถูกขัดขวางอีกครั้งจากเหตุผลที่ว่าเป็นความมั่นคงของประเทศ"
เขาเสริมอีกว่า "เราไม่คัดค้านการตรวจสอบความปลอดภัยตามปกติของประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนจากต่างประเทศ แต่เรากังวลถึงการแสดงออกที่เหมือนกับการตั้งกำแพงเพื่อจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยข้ออ้างในเรื่องความมั่งคงของประเทศ"
นอกจากนี้ นายเกากล่าวว่า "เราหวังว่าประเทศต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องจะมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เหมาะสม เป็นธรรม เปิดกว้าง และไว้ใจได้ให้กับบริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึงบริษัทจากจีนด้วย"