กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐได้ยื่นรายงานผลการตรวจสอบเรื่องความมั่นคงแห่งชาติในการนำเข้าเหล็กกล้าจากต่างประเทศต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดของรายงานดังกล่าว
แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า "หลังจากที่ทางกระทรวงได้เสนอรายงานต่อประธานาธิบดีแล้ว ตามกฎหมาย ปธน.ทรัมป์จะมีเวลา 90 วันในการพิจารณามาตรการจำกัดการนำเข้าเหล็กกล้าโดยยึดผลการสอบสวนเป็นหลัก"
กระทรวงพาณิชย์ระบุด้วยว่า หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจดำเนินการแล้ว ทางกระทรวงจะจัดทำรายงานสรุปเพื่อเผยแพร่ลงใน Federal Register ซึ่งเป็นวารสารรายวันสำหรับลงประกาศเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของหน่วยงานรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรา 232 เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กกล้านำเข้า ซึ่งถือเป็นมาตรการทางการค้าที่รัฐบาลสหรัฐใช้ในการจำกัดการนำเข้าสินค้าเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่มีต่อสหรัฐ
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าในสหรัฐได้รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลของทรัมป์ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าเหล็กกล้า อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมองว่า การนำเข้าเหล็กกล้าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ แต่ในทางกลับกัน การจำกัดการนำเข้าอาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการผลิตและผู้บริโภคในสหรัฐ
"การกีดกันการนำเข้าเหล็กกล้าอาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังทำลายระบบการค้าที่ยึดหลักกติกา อีกทั้งอาจสร้างความไม่พอใจแก่ประเทศพันธมิตรโดยไม่จำเป็น" คลาร์ก แพคการ์ด ที่ปรึกษาด้านนโยบายการค้าแห่ง R Street Institute ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เขียนเตือนในบทความเชิงวิเคราะห์ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
"ถึงแม้การจำกัดการนำเข้าอาจช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศได้บ้าง แต่ประโยชน์ที่ได้รับย่อมไม่อาจเทียบได้กับผลเสียที่จะตามมา" แพคการ์ดระบุ พร้อมกับเรียกร้องให้คณะทำงานของทรัมป์พิจารณายกเลิกแผนจำกัดการนำเข้าเหล็กกล้าจากต่างประเทศ