ทางการจีนวางแผนสกัดการเข้าถึงแพลทฟอร์มและแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนยังคงเดินหน้ากวาดล้างการซื้อขายสกุลเงินบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลประเภทอื่นๆ โดยทางการจีนมองว่า สกุลเงินดิจิทัล เป็นต้นตอของความเสี่ยงในระบบการเงิน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนได้รับรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นบนแพลทฟอร์มที่ตั้งขึ้นโดยชาวจีนและต่างชาติ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้สั่งระงับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเมื่อปีที่แล้ว โดยทางการจีนได้ออกกฎห้ามการระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัล (ICO) หรือ Initial Coin Offering รวมทั้งปิดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในหลายตลาด และจำกัดการขุดเหมืองเพื่อหาบิตคอยน์
หนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้กล่าวโจมตี "บิตคอยน์" ในบทบรรณาธิการว่า บิตคอยน์เป็นเพียงฟองสบู่และกระแสคลั่งไคล้ชั่วขณะในยุคสมัยใหม่เท่านั้น
พีเพิล เดลีระบุว่า ไม่ว่าจะประเมินจากราคาหรือมูลค่า บิตคอยน์ก็เต็มไปด้วยฟองสบู่ ส่วนข้อดีที่มีการกล่าวถึงทั้งในเรื่องความน่าเชื่อถือ สภาพคล่อง และความโปร่งใสนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งบังหน้าเพื่อการเก็งกำไร และไม่สามารถรองรับกับความผันผวนของราคาได้
ทางด้านสหรัฐและเกาหลีใต้ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์เช่นกัน โดยนายปาร์ก ซาง-กี รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังดำเนินการเพื่อยุติการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของตลาดหลายแห่ง โดยระบุว่าการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในขณะนี้มีความคล้ายคลึงการพนันและการเก็งกำไร
ขณะที่คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ เตรียมจัดการประชุมในเดือนก.พ. เพื่อหารือเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ โดยจะหารือร่วมกับนายคริสโตเฟอร์ จีอันคาร์โล ประธานคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) และนายเจย์ เคลย์ตัน ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) โดย CFTC และ SEC เตือนว่า บิตคอยน์มีความผันผวนอย่างมาก และทางหน่วยงานอาจจะไม่สามารถปกป้องนักลงทุนจากผู้ที่หลอกลวงในแวดวงสกุลเงินดิจิทัลได้