ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 26,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ "Beige Book" ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดี และมีแนวโน้มที่สดใสในปี 2561 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.2560 จนถึงต้นปี 2561 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รายงาน Beige Book ยังระบุว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐในปี 2561 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน
การเปิดเผยรายงาน Beige Book ครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นก่อนที่การประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในกรอบ 1.25%-1.50% ในการประชุมครั้งนี้
--ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 8.2% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2553
นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.8% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557
--- บิตคอยน์ดิ่งลงต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่แรงเทขายสกุลเงินดิจิทัลยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการที่จีนและเกาหลีใต้อาจมีคำสั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้บิทคอยน์, อีเธอเรียม และริพเพิล ต่างดิ่งลง และทำให้มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดวูบหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว
บิตคอยน์เพิ่งทะยานแตะ 19,343 ดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่หลังจากนั้นก็ได้ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และทรุดตัวลงแล้ว 52% เมื่อเทียบจากระดับดังกล่าว
การร่วงลงของบิตคอยน์เมื่อวานนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายวูบไปมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 24,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2534 ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการทำนิวไฮของตลาดวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ รวมทั้งเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
--ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ในการประชุมวันนี้ หลังจากที่ปรับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. 2560 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554
--สภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) มีมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) เมื่อคืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น
สมาชิกสภาสามัญชนได้ออกเสียงสนับสนุน 324 เสียง และคัดค้าน 295 เสียง โดยร่างกฎหมาย Brexit มีวัตถุประสงค์เพื่อตัดความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง การเงิน และด้านกฎหมาย กับทางสหภาพยุโรป
-- กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะส่งนักกีฬาร่วมลงแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งหญิงในนามทีมเดียวกัน และนักกีฬาจากทั้งสองชาติจะเดินในขบวนพาเหรดร่วมกันภายใต้ธงผืนเดียวกันในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพในเดือนหน้า
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งอยู่ที่ชายแดนของเกาหลีทั้งสองในวันนี้ หลังจากที่เกาหลีใต้ได้เสนอความเห็นดังกล่าวในการประชุมวันที่ 9 ม.ค.
ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะเดินพาเหรดเข้าสู่สนามในขบวนเดียวกันในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในรอบ 11 ปี และจะเป็นการเดินพาเหรดร่วมกันเป็นครั้งที่ 10
-- หนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ของจีนรายงานว่า นายกัว ซูชิง ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (CBRC) ได้ให้คำมั่นว่า ทางการจีนจะใช้บทลงโทษกลุ่มผู้ถือหุ้นที่มีพฤติกรรมเอาเปรียบโดยอาศัยช่องว่างในโครงสร้างผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงิน เพื่อยกระดับการปฏิรูปภาคการเงินและเสถียรภาพในภาคธนาคาร
ประธาน CBRC เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นบางรายใช้ธนาคารเสมือนตู้กดเงินเพื่อเอาเงินเข้าตัวโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบการเงินในภาพรวม ขณะที่ธนาคารบางรายยังมีการกำกับดูแลไม่รัดกุมมากพอ ส่งผลให้ทางการจีนจำเป็นต้องมีมาตรการลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมเอาเปรียบเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ประธาน CBRC ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าจะใช้มาตรการลงโทษกับกลุ่มใดบ้าง
-- ทางการจีนเตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2560 และ GDP ตลอดปี 2560 ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ปี 2560 ของจีนจะขยายตัวราว 6.8%
ทางด้านนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจจีนตลอดปี 2560 จะขยายตัวราว 6.9% ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่รวดเร็วขึ้น หลังจากขยายตัวต่ำสุดในรอบ 26 ปี ในปี 2559
--นอกจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2560 และ GDP ตลอดปี 2560 ของจีนในวันนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้
ส่วนในวันพรุ่งนี้ อียูจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. อังกฤษจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน