นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า การปรับลดอัตราภาษีจะช่วยหนุนให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
"ผมคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวแตะ 4% ในปีนี้" นายไดมอนกล่าวในการให้สัมภาษณ์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้
นายไดมอนกล่าวให้การสนับสนุนการปฏิรูปภาษีในสหรัฐ ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการสร้างงาน และเสริมว่า การมีระบบภาษีที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด จะทำให้มีทุนมากขึ้น แรงงานมากขึ้น และบริษัทมากขึ้นที่จะเข้าลงทุนในสหรัฐ
นายไดมอนเมินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า การปรับลดอัตราภาษีในครั้งนี้ มีการเอื้อประโยชน์มากเกินไปสำหรับภาคธุรกิจ โดยเขากล่าวว่า เมื่อบริษัทขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราภาษี ประโยชน์เหล่านี้ก็จะขยายออกไปสู่ภาคส่วนต่างๆทั่วสหรัฐ
เมื่อวานนี้ เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยแผนการลงทุนวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า แผนการดังกล่าวมีระยะเวลา 5 ปี โดยธนาคารจะเพิ่มค่าจ้างเฉลี่ย 10% สำหรับพนักงานจำนวน 22,000 คน โดยอยู่ในช่วง 15-18 ดอลลาร์/ชั่วโมง
นอกจากนี้ เจพีมอร์แกน เชสจะรับพนักงานเพิ่มอีก 4,000 คน ขณะที่จะเปิดสาขาในเมืองใหม่ๆ จำนวน 400 สาขา
ขณะเดียวกัน เจพีมอร์แกน เชส จะเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจรายย่อยอีก 4 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอีก 25% สู่ระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เจพีมอร์แกน เชส จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านภาษีราว 4 พันล้านดอลลาร์ หากมีการบังคับใช้กฎหมายภาษีฉบับใหม่