บรรดาตัวแทนของหลายประเทศที่เข้าร่วมงานประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ณ เมืองดาวอส ซึ่งได้เสร็จสิ้นไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างมองว่าโครงการ Belt and Road ของจีนเป็นโครงการฟื้นฟูโลกที่แตกหัก และเป็นโครงการสำหรับการสร้างอนาคตร่วมกัน
เจ้าหน้าที่ตัวแทนเหล่านี้คาดหวังให้โครงการ Belt and Road เป็นโครงการที่ผนวกรวมอนาคตของผู้คนนานาประเทศและภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการดำเนินการพิเศษที่จะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างกัน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผลักดันการค้าเสรี และอื่นๆอีกมากมาย
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวเสนอไว้ในปี 2556 ว่า โครงการ Belt and Road มีจุดประสงค์เพื่อการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา รวมถึงพื้นที่ทางทะเลในบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีความหลากหลาย ความเป็นอิสระ มีความสมดุล และมีความยั่งยืนในหมู่ประเทศที่ร่วมโครงการ
การสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
เนื่องด้วยการเปิดรับเจตนารมณ์ร่วมกันในด้านสันติภาพและความร่วมมือ การเปิดกว้างและไม่แบ่งแยก การเรียนรู้ร่วมกันและผลประโญชน์ร่วมกัน โครงการ Belt and Road จึงได้รับการสนับสนุนจากประเทศและองค์การนานาชาติต่าง ๆ กว่า 100 แห่ง
นายชาฮิด ชาคาน อับบาซี นายกรัฐมนตรีปากีสถานเปิดเผยในระหว่างอภิปรายแบบคณะว่า "โครงการ Belt and Road เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นดำเนินการแก้ไขโลกที่แตกหักและสร้างความเชื่อมต่อถึงกัน"
พร้อมกล่าวว่า โครงการ Belt and Road สามารถเชื่อมประเทศต่าง ๆ เข้าด้วยกันและสร้างความมั่งคั่งร่วมกันได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของที่ประชุมในปีนี้ กล่าวคือ การสร้างอนาคตร่วมกันท่ามกลางโลกที่แตกหัก
ทางด้านนายคิริล ดมิทรีฟ หัวหน้าผู้บริหารกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย (RDIF) ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซียที่มีทุนสำรองมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ กล่าวว่า "เรารู้สึกว่า ประเด็นน่ากังวลที่เกิดขึ้นในโลกแตกหักใบนี้ได้ถูกยกมาอภิปรายที่ดาวอส ซึ่งโครงการ Belt and Road น่าจะเป็นหนทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด"
ขณะที่นายชาน ฉุนซิง รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์กล่าวว่า ผลที่ได้รับจากโครงการ Belt and Road มีด้วยกัน 3 ระดับ ระดับแรกคือ โครงการจะเชื่อมต่อตลาด เอื้ออำนวยต่อการค้า และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ระดับที่สองคือ โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ระดับที่สามคือ เป็นโครงการที่ช่วยก่อตั้งระบบเศรษฐกิจโลก
โครงการที่สร่างประโยชน์ร่วมกัน
เมื่อพูดถึงโครงการเฉพาะที่อยู่ภายใต่โครงการ Belt and Road แล้ว นายอับบาซีกล่าวว่า เส้นทางเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและปากีสถานเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ในขณะที่นายดมิทรีฟเปิดเผยว่า ในมุมมองของรัสเซียนั้น ต้นทุนการขนส่งสินค้าข้ามแดนได้ลดลงอย่างมาก หลังจากที่โครงการสะพานเชื่อมเมืองถงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลเฮยหลงเจียงเข้ากับเมืองนิชเนเลนินสโคเยของรัสเซียเสร็จสมบูรณ์
นายไมเคิล เบิร์ค นักธุรกิจจากสหรัฐได้เรียกร้องให้มีการประสานงานร่วมกันครั้งใหญ่ โดยกล่าวว่า "ขนาดและระดับของโครงการโครงสร้างพื้นฐานตลอดเส้นทางของโครงการ Belt and Road จะไม่สามารถดำเนินการได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงลำพัง ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนหรือภาครัฐ"
ทั้งนี้ นายเบิร์คเป็นประธานและซีอีโอของ AECOM ซึ่งเป็นบริษัทจากสหรัฐที่ทำธุรกิจออกแบบ ก่อสร้าง ให้บริการด้านการเงิน และดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ กว่า 150 แห่ง
นายเบิร์คกล่าวว่า บริษัทของเขาได้มีส่วนร่วมในโครงการ Belt and Road มาโดยตลอด โดยได้ประสานงานกับบริษัทรัฐวิสาหกิจจากประเทศต่างๆ มากมายเพื่อที่จะผนึกกำลัง"ความเชี่ยวชาญของพวกเขาเข้ากับบริษัทเอกชนของเรา" สำนักข่าวซินหัวรายงาน