ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายหุ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ท่ามกลางความตื่นตระหนกต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ หลังจากตัวเลขจ้างงานและค่าแรงในสหรัฐขยายตัวมากกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,345.75 จุด ร่วงลง 1,175.21 จุด หรือ -4.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,648.94 จุด ลดลง 113.19 จุด หรือ -4.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,967.53 จุด ลดลง 273.42 จุด หรือ -3.78%
--ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยังคงเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
"เราวิตกกังวลเสมอเมื่อตลาดหุ้นร่วงลงและมูลค่าทางตลาดปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐ" ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ พร้อมกับกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งขณะนี้ถือว่ายังแข็งแกร่งตามที่คาดไว้
--สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่งบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันพฤหัสบดีนี้
การลงมติในวันพรุ่งนี้จะมีขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) จำนวนกว่า 7 แสนคน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะยกเลิกโครงการดังกล่าวภายในวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งจะส่งผลให้มีการเนรเทศผู้อพยพเหล่านี้กลับประเทศ
นอกจากนี้ สมาชิกสภาคองเกรสยังคงไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับวงเงินงบประมาณด้านกลาโหม และที่ไม่เกี่ยวกับกลาโหมสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้
--นายเจอโรม พาวเวล เข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้
นายพาวเวลวัย 65 ปี นับเป็นประธานเฟดคนที่ 16 โดยเขารับตำแหน่งสืบต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นางเยลเลน วัย 71 ปี ได้ปฏิบัติหน้าที่ในเฟดเป็นเวลาเกือบ 17 ปี โดย 4 ปีในฐานะประธานเฟด, 4 ปีเป็นรองประธานเฟด, 3 ปีเป็นผู้ว่าการเฟด และ 6 ปีเป็นประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
--สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน จากระดับ 53.7 ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 59.9 ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.5 หลังจากร่วงลงสู่ระดับ 55.9 ในเดือนธ.ค.
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
-- นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี หลังจากที่พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากเลยกำหนดเส้นตายเมื่อวันอาทิตย์
คาดว่าพรรคการเมืองทั้ง 3 จะยังคงทำการเจรจาในวันนี้ และอาจยืดเยื้อต่อเนื่องไปอีกหลายวัน
--บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุน
ดัชนีราคาบิตคอยน์ของ Coindesk ระบุว่า บิตคอยน์ร่วงลง 633.10 ดอลลาร์ หรือ 8.85% สู่ระดับ 6,518.46 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 08.51 น. ของวันนี้ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 7,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปีที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์คุมเข้มการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราดิจิทัลในหลายประเทศ
--ลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหราชอาณาจักร แถลงว่า ธนาคารในเครือของลอยด์สจะไม่รับบัตรเครดิตจากลูกค้าในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินดิจิทัล
"ลอยด์ส แบงก์, แบงก์ ออฟ สก๊อตแลนด์, ฮาลิแฟ็กซ์ และ MBNA จะไม่รับบัตรเครดิตจากลูกค้าในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินดิจิทัล" แถลงการณ์ระบุ
--สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ (NIS) เปิดเผยต่อรัฐสภาว่า แฮกเกอร์เกาหลีเหนือได้ทำการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลจากเกาหลีใต้คิดเป็นวงเงินหลายสิบล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ NIS กำลังตรวจสอบว่า เกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 5.8 หมื่นล้านเยน (534 ล้านดอลลาร์) จาก Coincheck ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 ม.ค.หรือไม่
--นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค.
ในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะรายงานทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนม.ค. ฝรั่งเศสจะรายงานดุลการค้าเดือนธ.ค. จีนจะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนม.ค. และอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากฮาลิแฟกซ์