ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค รวมทั้งการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
ทั้งนี้ แผนงบประมาณดังกล่าว มีการจัดสรรงบประมาณวงเงิน 7.16 แสนล้านดอลลาร์สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการทหาร และการรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ ขณะที่มีการจัดสรรงบ 2 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการใช้จ่ายด้านโครงการสาธารณูปโภค และตั้งวงเงินมากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน และการตรวจคนเข้าเมือง
--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,601.27 จุด พุ่งขึ้น 410.37 จุด หรือ +1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,981.96 จุด เพิ่มขึ้น 107.47 จุด หรือ +1.56% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.00 จุด เพิ่มขึ้น 36.45 จุด หรือ +1.39%
--ผลการสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐได้ปรับตัวลงในเดือนที่แล้ว หลังจากที่ดีดตัวขึ้นในช่วงสิ้นปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า ค่าเฉลี่ยตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในช่วง 1 ปีข้างหน้าได้ลดลงสู่ระดับ 2.71% ในเดือนม.ค. จากระดับ 2.82% ในเดือนธ.ค.
--นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
-- ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจเผชิญภาวะทรุดตัวอย่างหนักอีกครั้งในวันพุธนี้ หากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้
นายปิแอร์ คูร์แรน หัวหน้าฝ่ายซื้อขายหุ้นของบริษัทแอมพลิฟาย เทรดดิ้ง กล่าวว่า "ตัวเลข CPI ที่จะมีการประกาศในวันพุธ เป็นตัวเลขเงินเฟ้อที่มีความสำคัญอย่างมาก ถ้าหากตัวเลข CPI อยู่ที่ระดับ 1.9% หรือมากกว่า 2% ก็จะทำให้ตลาดหุ้นถูกเทขายออกมาเหมือนกับในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถ้าตัวเลข CPI อยู่ที่ราว 1.7-1.8% ผมก็คิดว่าตลาดจะสงบลง"
ทางด้านนายเจสัน แวร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของอัลเบียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งกล่าวว่า "หากตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็จะสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาด แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และหุ้นก็จะทะยานขึ้น"
--กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุในรายงานประจำเดือนก.พ.ว่า โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัวในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ โอเปกยังคาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากการผลิตน้ำมันในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน โอเปกคาดว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลในช่วงสิ้นปีนี้
--นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐพร้อมที่จะเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ แม้สหรัฐยังเดินหน้ามาตรการกดดันนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือก็ตาม
--สำนักงานกำกับตลาดหลักทรัพย์, การธนาคารและประกัน รวมทั้งกองทุนบำนาญในยุโรป (ESAs) ออกแถลงการณ์เตือนว่า สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสิ่ยงสูง และไม่มีการกำกับดูแล ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการลงทุน
ESAs ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางเจ้าหน้าที่มีความวิตกกังวลต่อจำนวนนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้เข้าซื้อสกุลเงินดิจิทัล โดยไม่ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
-- โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยในรายงานเมื่อวานนี้ว่า นักลงทุนยังคงไม่มีความมั่นใจว่าการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา จะสามารถดำเนินไปอย่างยั่งยืน แม้ว่าราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นเกือบ 50% จากช่วงกลางปีที่แล้ว
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่น ได้แก่ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
เมื่อปีที่แล้ว โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับปีนี้ สู่ระดับ 62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมัน WTI คาดว่าจะอยู่ที่ 57.50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล
--จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในต่างประเทศวันนี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจออสเตรเลียเดือนม.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB), การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (FDI) เดือนม.ค.ของจีน และอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของอังกฤษ
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค. ออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากเวสต์แพค ญี่ปุ่นจะรายงานตัวเลขประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 4/2560 เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.และตัวเลขประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 4/2560 อียูจะรายงาน GDP ไตรมาส 4/2560 (ประมาณการครั้งที่ 2) ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.