ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป และเซ็นจูรี อลูมิเนียม
"มาตรการดังกล่าวจะมีการลงนามบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ และจะทำให้พวกคุณสามารถพลิกฟื้นอุตสาหกรรมให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศใดบ้าง และจะดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นเวลานานเท่าใด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐทำการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมว่าจะมีผลต่อความมั่นคงของประเทศอย่างไร ภายใต้กฎหมายการขยายการค้า (Trade Expansion Act) มาตรา 232 ฉบับปี 2505
ส่วนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ยื่นข้อเสนอแนะให้กับปธน.ทรัมป์ เกี่ยวกับการใช้มาตรการเข้มงวดต่อสินค้านำเข้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ โดยข้อเสนอแนะดังกล่าวระบุว่า สหรัฐควรเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กอย่างน้อย 24% จากทุกประเทศ และเรียกเก็บภาษีนำเข้าอลูมิเนียมอย่างน้อย 7.7% จากทุกประเทศ
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของทรัมป์เมื่อวานนี้สะท้อนให้เห็นว่า แผนการปรับขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของทรัมป์มีอัตราสูงกว่าคำแนะนำของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ