นายโมเสส คาแลช ที่ปรึกษาด้านธุรกิจของรัฐบาลเม็กซิโกเปิดเผยว่า การที่สหรัฐวางแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้น จะส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
"เรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นอย่างแน่นอน เนื่องจากเหล็กและอลูมิเนียมเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ผลิตในประเทศของเรา" นายคาแลชซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ผู้ให้คำปรึกษาประจำสภาความร่วมมือทางธุรกิจของเม็กซิโก (CCE) กล่าว
การแสดงความเห็นดังกล่าวของนายคาแลชมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
ถ้อยแถลงดังกล่าวของทรัมป์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เม็กซิโก สหรัฐ และแคนาดา อยู่ในระหว่างการหารือกันในการประชุมครั้งที่ 7 ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ เพื่อปรับปรุงรายละเอียดในข้อตกลง NAFTA โดยข้อตกลงดังกล่าวมุ่งเน้นหารือเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า (rule of origin) ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดว่า รถยนต์ที่ผลิตในภูมิภาคซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้านั้น ควรมีเปอร์เซ็นต์เท่าใด
"หากมาตรการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมมีผลบังคับใช้ ก็จะส่งผลกระทบต่อแหล่งที่มาของสินค้า และนี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้ผู้แทนการเจรจาของสหรัฐถูกเรียกกลับประเทศ" นายคาแลชกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเจสัน เบิร์นสเตน ผู้แทนการเจรจาของสหรัฐได้เดินทางกลับประเทศเมื่อวานนี้ เพื่อหารือในกรณีที่ปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10%